svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทรัมป์ประกาศส่งกองเรือรบ มีอานุภาพมากที่สุด มุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลี ด้านเกาหลีเหนือประกาศพร้อมรบ

12 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สหรัฐส่งกองเรือรบมีอานุภาพมากที่สุด Armada ทั้งเรือดำน้ำ ฝูงบินจู่โจม และกองเรือพิฆาตที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson มุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลี ตามแผนการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุรุนแรงจากการโจมตีของเกาหลีเหนือ ขณะที่เกาหลีประกาศพร้อมรบกับสหรัฐยิงขีปนาวุธโต้ตอบหากถูกคุกคาม ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความร้อนแรงบนคาบสมุทรเกาหลีมากขึ้นอีก

มองย้อนปมที่มาของกองเรือรบจู่โจม Armada ที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดของทรัมป์นั้น เคยมีประวัติศาสตร์เล่าว่า ในยุคสมัยของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน นั้น เป็นกองเรือรบที่ถูกเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดและเก่งที่สุด ถูกสร้างขึ้นเพื่อเตรียมบุกชิงราชบัลลังก์อังกฤษ แต่ในที่สุดกองเรือแสนยานุภาพ Armada ของสเปนก็ต้องพ่ายแพ้ต่ออังกฤษในปี 1588
ส่วนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G-7 หักหน้าอังกฤษแม้จะได้รับแรงหนุนจากสหรัฐ ปฏิเสธข้อเสนอแซงก์ชั่นรัสเซียรอบใหม่ ขณะที่ Rex Tillerson ระฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางถกปัญหาซีเรียต่อที่กรุงมอสโกแล้ว
ท่ามกลางบรรยากาศภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความตึงเครียดในตะวันออกกลาง-แอฟริกา และคาบสมุทรเกาหลี แต่สำหรับ Zimbabwe ประเทศที่ยากจนมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกยังคงต้องดิ้นรนต่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ กลับเริ่มต้นจัดระบบการเงินใหม่โดยธนาคารกลางของประเทศ กำหนดให้ชาว Zimbabwe สามารถนำเอาวัวที่เลี้ยงไว้ หรือรถยนต์ หรือแม้แต่โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในบ้าน สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันนำมาแลกเปลี่ยนเงินใช้จ่ายในประเทศได้
1.หลังจากเมื่อวันเสาร์ในสัปดาห์ก่อน กองทัพสหรัฐได้ส่งฝูงเรือรบ นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ไปยังคาบสมุทรเกาหลี เพื่อสยบการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยกองเรือรบของสหรัฐกำลังออกเดินทางจากท่าเรือสิงคโปร์ไปยังคาบสมุทรเกาหลี
โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ Foxs News ระบุว่า กองเรือยิ่งใหญ่ที่มุ่งหน้าสู้คาบสมุทรเกาหลีเป็นกองเรือรบ Armada ซึ่งก็คือกองเรือรบที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดของสหรัฐทั้งเรือดำน้ำ ฝูงบินจู่โจม และกองเรือพิฆาตที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson กำลังมุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลีในขณะนี้ ตามแผนการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุรุนแรงจากการโจมตีของเกาหลีเหนือ โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ยืนยันว่าจะเดินหน้าจัดการกับปัญหาเกาหลีเหนือไปเพียงฝ่ายเดียว หากจีนไม่ยอมช่วยกดดันเกาหลีเหนือให้ยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ขณะที่กองบัญชาการแปซิฟิกของกองทัพสหรัฐชี้ว่า เกาหลีเหนือยังคงเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งในภูมิภาค มีการกระทำตามอารมณ์ ไร้ความรับผิดชอบ รวมทั้งการยิงทดสอบขีปนาวุธและทดลองนิวเคลียร์บ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิกไร้เสถียรภาพ โดยกองเรือจู่โจมนี้ประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson เรือพิฆาตสองลำที่สามารถยิงทำลายขีปนาวุธด้วยระบบนำวิถี และเรือบรรทุกเครื่องยิงขีปนาวุธนำวิถี โดยก่อนหน้านี้ กองเรือดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปประจำการที่ออสเตรเลีย แต่ได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทางไปคาบสมุทเกาหลีแทน ทั้งนี้การส่งกองเรือจู่โจมมาป้วนเปี้ยนใกล้คาบสมุทรเกาหลีจะยิ่งเพิ่มความร้อนแรงบนคาบสมุทรเกาหลียิ่งขึ้น

2.มองย้อนปมที่มาของกองเรือรบจู่โจม Armada ที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดของทรัมป์นั้น เคยมีประวัติศาสตร์เล่าว่า ในยุคสมัยของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน นั้น เป็นกองเรือรบที่ถูกเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดและเก่งที่สุด ถูกสร้างขึ้นเพื่อเตรียมบุกชิงราชบัลลังก์อังกฤษเนื่องจากพระเจ้าฟิลิปเปที่ 2 ทรงเป็นคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิก ทรงเห็นว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 1 ผู้ปกครองอังกฤษในขณะนั้น ซึ่งพระนางทรงเป็นคริสเตียนนิกายโปรเตสแตนต์ ไม่คู่ควรกับราชบัลลังก์อังกฤษ ที่สมควรจะมีไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์ที่เป็นโรมันคาทอลิกเท่านั้น
แต่เหตุผลที่พระเจ้าฟิลิปเปนำมาอ้างก็คือโจรสลัดอังกฤษปล้นเรือสินค้าของสเปนหลายครั้ง ทำใหสเปนต้องทำการตอบโต้อังกฤษ ในการนี้กองเรือ Armada ได้ยกพลไปบุกอังกฤษถึงสองครั้ง แต่ในที่สุดกองเรือแสนยานุภาพ Armada ของสเปนก็ต้องพ่ายแพ้ต่ออังกฤษในปี 1588

3.ทางด้านรัฐบาลเกาหลีเหนือภายใต้การนำของคิมจองอึน ออกแถลงการณ์ประณามสหรัฐที่คุกคามความมั่นคง โดยระบุว่าปฏิบัติการโจมตีซีเรียย้ำเตือนเกาหลีเหนือว่ามีแต่แสนยานุภาพทางทหารของตนเองเท่านั้น จึงจะสามารถปกป้องพวกเราจากการรุกรานของจักรวรรดินิยม เกาหลีเหนือจะเสริมแสนยานุภาพในการป้องกันตนเองในหลากหลายทางต่อไป เพื่อรับมือกับพฤติกรรมรุกรานของสหรัฐ
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้มีการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ไปแล้ว 5 ครั้ง โดยสองครั้งล่าสุดนั้นเกิดขึ้นในปีที่แล้ว ซึ่งเกาหลีเหนือถูกมองว่าทำการทดสอบขีปนาวุธหลายครั้ง โดยฝ่าฝืนข้อมติห้ามการทดลองนิวเคลียร์และการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธ นอกจากนี้ ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมยังบ่งชี้ด้วยว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 และมีคำกล่าวเตือนจากบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองของสหรัฐว่า ภายในไม่ถึง 2 ปี เกาหลีเหนือจะสามารถพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถติดขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปโจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ

4.ส่วนเวที G-7 หักหน้าอังกฤษซึ่งได้รับแรงหนุนจากสหรัฐ ปฏิเสธข้อเสนอแซงก์ชั่นรัสเซียรอบใหม่ ขณะที่ Rex Tillerson ระฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางถกปัญหาซีเรียต่อที่กรุงมอสโกในวันที่ 11-12 เมษายนทั้งนี้ จากการประชุมกลุ่ม G-7 ในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศที่อิตาลีเมื่อวันที่ 10-11 เมษายน โดยบอรีส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเป็นตัวตั้งตัวตีให้ดำเนินการแซงก์ชันรัสเซียรอบใหม่ เหตุพราะรัสเซียให้การสนับสนุนรัฐบาลบาชาร์ อัล อัส-ซาด ของซีเรีย แต่ถูกกลุ่มประเทศยุโรปใน G-7 บล็อกไม่เล่นตามเกมด้วย
ถึงแม้ว่า รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (G-7) พบปะกันในอิตาลีเมื่อวันจันทร์ จะต้องการแสวงหาแนวทางสำหรับโน้วน้าวรัสเซียให้ตัดความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G-7 กลับไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้านทรัมป์ที่สั่งยิงจรวดโทมาฮ็อกถึง 59 ลูกโจมตีเพื่อก่อสงครามกับซีเรียเมื่อวันที่ 7 เมษายน โดยไม่ขอฉันทามติจากสหประชาชาติ โดยที่ทรัมป์อ้างว่า เพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนของรัฐบาลซีเรียเข้าไปในพื้นที่ Idlib ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ
นอกจากนี้ การหารือของรัฐมนตรีต่างประเทศนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการเตรียมแนวทางสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G-7 ที่มีกำหนดจัดขึ้น ณ เมืองซิซิลีในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเป็นการเยือนต่างแดนครั้งแรกของทรัมป์ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยที่นอกเหนือจากเรื่องซีเรีย ยังมีการหารือกันถึงความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือที่ร้อนระอุมากขึ้น หลังจากสหรัฐสั่งเคลื่อนกองเรือจู่โจมเข้าไปในคาบสมุทรเกาหลี ที่ถูกมองว่าเป็นการท้าทายผู้นำเกาหลีเหนือที่มีความทะเยอทะยานสร้างอานุภาพนิวเคลียร์

5.ท่ามกลางบรรยากาศภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความตึงเครียดในตะวันออกกลาง-แอฟริกา และคาบสมุทรเกาหลี นั้น แต่สำหรับ Zimbabwe ประเทศที่ยากจนมากที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาต้องดิ้นรนต่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ กลับเริ่มต้นจัดระบบการเงินใหม่โดยธนาคารกลางของประเทศ อนุมัติให้ชาว Zimbabwe สามารถนำเอาวัวที่เลี้ยงไว้ หรือรถยนต์ หรือแม้แต่โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในบ้าน สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อการแลกเปบี่ยนเป็นเงินได้ เพียงแต่ต้องขึ้นทะเบียนต่อธนาคารกลางเสียก่อน
หลังจากที่ Zimbabwe ต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนักที่สุด เนื่องจากมีการบริหารที่ล้มเหลวมาตลอด ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเงินใช้จ่ายในประเทศ รวมทั้งเกิดภาวะ hyperinflation ที่เคยพุ่งสูงถึง 230 ล้านเปอร์เซนต์มาแล้ว จนส่งผลต่อค่าเงินที่แทบจะไม่มีมูลค่าที่นำมาตีราคาได้ โดยที่ทางการเคยพิมพ์ธนบัตรฉบับละ 100 ล้านล้านดอลลาร์ซิมบับเวออกมาใช้จ่ายในประเทศ

logoline