svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ดาวโจนส์ทะยานขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนชี้ Wall Street เป็น Easy Street สู่ความร่ำรวย

24 พฤศจิกายน 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

Top 5 ข่าวการเงินโลก ประจำวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน 2559 โดย วัชรา จรูญสันติกุล บรรณาธิการอาวุโส เครือเนชั่น

นักลงทุนมองการลงทุนในตลาดหุ้น Wall Street ของสหรัฐ กลายเป็น Easy Street ที่สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น หลังจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่รายวัน โดยผ่านทะลุระดับ 19,000 ซึ่งนับว่าเป็นจุดสูงสุดที่มีนัยสำคัญ
ถึงแม้ว่ารายงาน Fed Minutes ที่เปิดเผยมุมมองของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนใหญ่เห็นว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายปีนี้ช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. อีก 0.25% เป็น 0.75% ส่งผลให้ผลตอบแทนบอนด์ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐยังคงพุ่งขึ้นแตะ 2.36% โดยเฉพาะบอนด์ยีลด์ระยะสั้นอายุ 2 ปียืนเหนือ 1.12% ขณะที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวอายุ 30 ปีก็กลับมายืนเหนือ 3.1% ท่ามกลางแรงขายที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง
1.ดาวโจนส์ยังคงพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ปิดเมื่อวันพุธที่ 19,083 บวก 59 จุดหรือ 0.3% โดยไม่สะทกสะท้านกับทิศทางดอกเบี้ยที่จะปรับตัวขึ้น เช่นเดียวกับ S&P 500 ขึ้นมายืนเหนือสถิติใหม่ที่ 2,204 แต่หุ้นเทคโนโลยีใน Nasdaq ปรับตัวลดลงในแดนลบปิดที่ 5,380 โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายเฮลิคอปเตอร์ มันนี ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีเป้าหมายใช้จ่ายเงินงบประมาณทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะปานกลาง
2.ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ หรือ Dollar Index พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับแข็งค่ามากที่สุดอีกครั้งในรอบ 8 ปีที่ 101.80 สูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ 101.63 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเลือกตั้งปธน.สหรัฐที่อยู่ในระดับ 96เงินดอลลาร์แข็งค่าสวนทางเงินหยวนที่อ่อนค่าลงมากที่สุดรอบ 8 ปีที่ 6.95 หยวนต่อดอลลาร์แล้ว โดยเฉพาะเงินเยนร่วงลงสู้ระดับ 112.44 และเงินยูโรร่วงแตะ 1.05 ดอลลาร์ สไหรับเงินบาทอ่อนค่าลงแตะ 35.69 บาทต่อดอลลาร์เช่นกัน
3.ดอลลาร์ยังแข็งค่าสวนทางราคาทองโลกที่ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาปิดวันพุธในตลาด Comex นิวยอร์กที่ 1,187 ลดลงจากวันก่อนหน้าถึง 23 ดอลลาร์ ทำให้ผลตอบแทนราคาทองที่เคยเพิ่มขึ้นสูงถึง 20% ที่ระดับ 1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ย่อตัวลงเป็นผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเพียง 11.8% นับจากต้นปีจนถึงวันนี้
4.สำหรับดัชนีดาวโจนส์ทะยานเหนือ 19,000 นั้น ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 11.8% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยวอลล์สตรีท เจอร์นัล ได้ปักหมุดเปรียบเทียบเป็นระยะทางเส้นทางวิ่งของดัชนีดาวโจนส์ในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา กว่าจะมาถึงวันนี้...โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 1972 ดาวโจนส์อยู่ที่ระดับ 1,000 8 ม.ค. 1987 อยู่ที่ระดับ 2,000 29 มี.ค. 1999 พุ่งยืนเหนือระดับ 10,000 19 ก.ค. 2007 เกิดวิกฤติการเงินสหรัฐ ดาวโจนส์อยู่ที่ 14,000 23 ธ.ค. 2014 ดาวโจนส์ยังคงพุ่งขึ้นที่ 18,000 22 พ.ย. 2016 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 19,000

5.รูปีสไลด์ลงระดับต่ำสุดเท่าที่เคยเป็นมาในรอบ 10 ปี ท่ามกลางกระแสเงินทุนไหลออก 2.7 พันล้านดอลลาร์ โดยรูปีร่วงลง 2.5% ในเดือนพ.ย. ที่ 68.4750 ต่อดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าบอนด์รัฐบาลอินเดียในตลาดต่างประเทศลดลง 7.72 หมื่นล้านรูปี หรือราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ด้วย
นอกจากนี้กองทุนต่างชาติยังมีการถอนเงินลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียออกอีก 1.6 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลเงินรูปีร่วงลง 2.5% ทั้งนี้ตลาดเงินและตลาดทุนขอองอินเดียเริ่มปั่นป่วนนับจากรัฐบาลของนายนเรนทรา โมดิ ประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตรฉบับละ 500 และ 1,000 รูปี ทำให้เงินดังกล่าวกลายเป็นเงินที่ผิดกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อความเชื่ี่อมั่นของคนอินเดียและเศรษฐกิจในภาพรวมที่จะชะลอตัวลงในขณะนี้

logoline