พาณิชย์คุมเข้มพ่อค้าโกงตาชั่ง

อธิบดีกรมการค้าภายใน นันทวัลย์ ศกุนตนาค ระบุ กรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจและสายตรวจชั่งตวงวัด ออกตรวจสอบท่าข้าว โรงสี ลานรับซื้อมันสำปะหลัง และลานรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อป้องปรามมิให้ผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร เพราะขณะนี้ผลผลิตทางการเกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
หากเกษตรกรพบว่ามีการกดราคา หรือไม่ติดป้ายแสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจน หรือสงสัยว่าเครื่องชั่งและเครื่องวัดความชื้นไม่ได้มาตรฐาน สามารถแจ้งสายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน ศูนย์หรือสำนักงานสาขาชั่งตวงวัด และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด ปี 2557 ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจำนวน 64 ราย แบ่งออกเป็น โทษปรับ 46 ราย ความผิดเครื่องหมายซีลขาด คำรับรองหมดอายุ ปรับตั้งแต่ 10,000-60,000 บาท บางรายอาจถูกปรับถึง 6 หมื่นบาท ตามฐานความผิดและลักษณะสถานประกอบการ และความผิดที่ต้องแจ้งพนักงานสอบสวนเพราะมีโทษจำคุกจำนวน 18 ราย ส่วนใหญ่กระจายตัวในพื้นที่ภาคอีสาน มีความผิดจากการเปลี่ยนแปลงเครื่องชั่ง โทษไว้ว่าหากมีผู้กระทำผิดโกงมาตรชั่งวัดจะดำเนินคดีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 2.8 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ
"จากนี้กระทรวงฯ จะเข้มงวดตรวจสอบต่อเนื่อง หากพบว่ามีการนำเอาซอฟแวร์มาใช้อีกก็จะมีโทษทั้งเจ้าของพื้นที่ชั่งน้ำหนักรวมไปถึงผู้ผลิตซอฟแวร์มารับผิด เพราะการตรวจสอบพบและเอาผิดครั้งนี้ เป็นช่วงดำเนินการ 2 เดือนที่ผ่านมาพบเป็นผู้กระทำผิดตั้งแต่ โรงสีข้าว ท่าข้าว ลานมันสำปะหลัง ไปจนถึงผู้ส่งออก หากปล่อยไว้เกษตกรจะถูกเอาเปรียบจึงกำหนดเเผนตรวจเข้มอย่างต่อเนื่อง"
สำหรับการตรวจสอบเครื่องชั่งน้ำหนัก ตั้งแต่ปี 2559 กรมฯ ได้ทำการตรวจสอบไปแล้วทั้งหมด 11,681 เครื่อง พบว่าถูกต้อง 11,478 เครื่อง พบผิด 206 เครื่อง หรือผิดร้อยละ 1.7 ซึ่งได้ทำการผูกบัตรห้ามใช้ 142 เครื่อง ที่เหลือดำเนินคดีตาม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ จะเน้นการตรวจสอบเครื่องวัดความชื้นให้มีความเทีี่ยงตรงและได้มาตรฐาน รวมถึงการคำนวนราคาหลังหักความชื้นข้าวจากชาวนาให้เป็นไปตามมาตรฐานคือ ความชื้น สูงกว่า 15% ขี้นไป โดยทุกความชื้น 1% จะหักน้ำหนักออก 1.5%