"อัศวิน"วอน ปชช. นำกล่องพลาสติก-กระติกน้ำมาเอง ลดขยะรอบสนามหลวง

25 ต.ค. 59 - ที่กองอำนวยการร่วม บริเวณท้องสนามหลวง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงสรุปผลการประชุมการบริหารจัดการขยะ การแยกขยะ และมาตรการลดขยะที่สนามหลวงว่า เป็นการรณรงค์ของทุกภาคส่วน ภาครัฐโดยกรุงเทพมหานครได้ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนทางจิตอาสาจะช่วยกันรณรงค์ในการลดกล่องโฟม ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและการย่อยสลายที่เป็นไปได้ยาก ถ้าเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่ย่อยสลายง่าย เช่น กล่องที่ทำด้วยชานอ้อย จะทำให้ลดภาวะย่อยสลายและลดโลกร้อนได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ การคัดแยกขยะนั้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะจัดนักศึกษาที่เป็นจิตอาสาไปยืนตามจุดบริเวณถังแยกขยะ เมื่อใครจะเอาขยะมาทิ้ง กลุ่มจิตอาสาจะอธิบายว่าจะแยกชนิดขยะอย่างไร ขยะที่ทิ้งควรต้องทิ้งลงถังแบบไหน ซึ่งจะเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้กับประชาชน ต่อไปประชาชนก็จะเข้าใจ เริ่มคุ้นเคยไปเรื่อยๆ ทำให้สามารถปฏิบัติตามและทำให้ประชาชนบอกต่อเกี่ยวกับเรื่องการทิ้งขยะที่ถูกต้องกับคนอื่นๆ ซึ่งจะเกิดผลดีต่อภาพรวมของประเทศ เชื่อว่าไม่นานนักประชาชนก็จะเริ่มเข้าใจ และประเทศไทยจะสามารถลดขยะลงไปได้มาก

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า ขอแนะนำให้ประชาชนนำกล่องพลาสติกมาใช้ใส่อาหาร และนำมาล้างเพื่อใช้ใหม่ ซึ่งจะทำให้ลดภาวะขยะล้นเมืองไปได้ โดยปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีจำนวนขยะแต่ละวันทั้งหมด 9 พันถึง 1 หมื่นตัน ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมาก ดังนั้น จากนี้ภายใน 2-3 เดือนจำนวนขยะน่าจะลดลงได้ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนคาดว่าขยะในบริเวณสนามหลวงน่าจะหมดลง ต่อไปขยะในพื้นที่ในบริเวณโดยรอบทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดก็จะลดลงด้วย อาจจะกลายเป็นสนามหลวงโมเดลก็เป็นได้ ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครมีความต้องการรับบริจาคกล่องอาหารและกระติกน้ำ ถ้ามีผู้มีจิตศรัทธาต้องการนำมาบริจาคก็สามารถนำมาได้ที่ศูนย์ประสานงานของกรุงเทพฯ กองอำนวยการร่วม หรือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถ้าได้รับบริจาคแล้วกรุงเทพมหานครจะนำไปแจกประชาชนที่จะเข้ามาในงาน เขาจะได้เก็บไปเป็นตัวอย่าง เวลาทานอาหารเสร็จก็จะนำกลับบ้าน และในครั้งต่อไปก็นำมาใช้ได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ขยะลดลงได้ ซึ่งเป็นผลดีที่สุด

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวด้วยว่า ในช่วงปลายสัปดาห์จะมีการเปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการะพระบรมศพ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมการไว้หมดแล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ จำนวนรถยนต์ที่เข้ามาในพื้นที่นั้นจะไม่มีที่จอดรถ ซึ่งกรุงเทพมหานครจัดหาที่จอดรถและรถตู้ให้ ขณะที่กระทรวงคมนาคมได้ส่งรถบขส.และรถขสมก.มาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ส่วนกองทัพบกและภาคเอกชนก็ได้เข้ามาร่วมด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่ต้องนำรถเข้ามาด้านใน นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครจะประสานกับสำนักพระราชวังเพื่อขอขยายเวลาในการสักการะพระบรมศพ โดยต่อไปอาจจะเปิดในเวลา 08.00 น. และปิดเวลา 21.00 น.

อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้ปัญหาวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่เข้ามาในพื้นที่นั้น ตนได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สอดส่องดูแลมอเตอร์ไซด์รับจ้างบางส่วนทีืมาร่วมเป็นจิตอาสาเป็นบางวันด้วย ส่วนคนที่ไม่ใช่จิตอาสาหรือไม่ใช่วินมอเตอร์ไซด์รับจ้างแต่มาขับรถเล่น ใส่กางเกงขาสั้น แต่งกายไม่สุภาพนั้นก็มีบ้าง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเฝ้าตักเตือนให้ใส่ชุดให้เรียบร้อยด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการร่วมมือที่จะแก้ไขระเบียบในจุดไหนบ้าง พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า เราพยายามแก้ไขทุกส่วน การแก้ปัญหานั้นต้องแก้วันต่อวัน วันนี้เป็นวันที่ 12 ที่เราได้เริ่มตั้งกองอำนวยการร่วม แรกๆ ปัญหามีเยอะมาก และต่อมาค่อยๆ ลดลง เรื่องไหนที่พบข้อบกพร่องก็จะนำมาหารือกับตำรวจ ทหาร กระทรวงมหาดไทย สำนักการแพทย์ และหน่วยงานต่างๆ ทางกรุงเทพมหานครจะเป็นแม่งานในครั้งนี้ เช่น เมื่อวันที่ 23 ต.ค. จุดคัดกรอง 9 จุดที่คัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงานนั้น ตนกลัวว่าการคัดกรองจะไม่ละเอียด เมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดกล้องซีซีทีวีตามจุดคัดกรองทั้งหมด 10 ตัวเรียบร้อยแล้วใน 9 จุด ซึ่งปกติแล้วในพื้นที่บริเวณโดยรอบสนามหลวงมีกล้องอยู่ 127 ตัว แต่ในสนามหลวงไม่มี วันนี้จึงได้ติดตั้งกล้องเพิ่มขึ้นอีก 40 ตัวในพื้นที่ท้องสนามหลวง ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จได้ภายในคืนนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน นอกจากนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยจะนำประชาชนมาครั้งละจังหวัด เพราะถ้ามาพร้อมๆ กันหลายจังหวัดจะทำให้เกิดความแออัด โดยทราบว่าพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้จัดคิววันละ 5 จังหวัด เรียงตามอักษร โดยแต่ละจังหวัดไม่เกินวันละ 600 คน ซึ่งรวมแล้วประมาณไม่เกินวันละ 3,000 คน