"แม่" ทำใจ ไม่ได้เงินคืนหลังลูกโอนเงินให้วีเจสาว

เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 19 กค ร.ต.อ ประชิด สมาฤกษ์ พนักงานสอบสวน สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายระพีพัชร ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 28 ปี ได้ขโมยเงินในบัญชีของนางศิริกานต์ ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ ผู้เป็นแม่เพื่อเข้าไปซื้อแต้มของขวัญให้กับบรรดาดีเจสาวในแอพพลิเคชั่นหนึ่ง ที่มีสาวๆมาพูดคุยหรือโชว์สด ทำให้สูญเงินไปเกือบ 1.2 ล้านบาท ซึ่งแม่ได้เข้ามาแจ้งความเอาไว้ ต่อมานายระพีพัชร ได้เดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยญาติได้ไปรับตัวที่ตลาดรังสิต จ.ปทุมธานี ซึ่งฝ่ายหญิงและพี่สาวนำมาปล่อยทิ้งเอาไว้

ทันทีที่นางศิริกานต์ พบหน้านายระพีพัชร ลูกชายถึงกับออกอาการไม่พอใจ และไม่มองหน้า แม้ว่านายรพีพัชรจะพยายามยกมือไหว้และกล่าวคำขอโทษ แต่นางศิริกานต์ ยังมีอาการโกรธ โดยนายระพีพัชร เปิดเผยว่า ตนได้เข้าไปเล่นแอพพลิเคชั่นนี้ จากคำแนะนำของเพื่อน เดิมไม่เคยเข้าไปซื้อของขวัญเป็นแต้มให้กับวีเจสาว เนื่องจากไม่มีเงิน จนกระทั่งเมื่อปลายปีพ่อมาเสียชีวิต ได้เงินจากกองทุนฯ จำนวน 3 ล้านบาทเข้าบัญชีแม่ไว้ ด้วยความที่อยู่กับแม่สองคนแม่จึงไว้ใจ จะให้เลขรหัสบัตรเอทีเอ็มและเลขบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็ม ไปกดเงินให้ ครั้งละ 3-4 หมื่นบาทเพื่อซื้อของเข้าร้านขายของชำ ตนก็ถือโอกาสนี้โอนเงินให้กับสาวๆที่เป็นวีเจ จนสาวๆวีเจพากันเรียกตนเองว่า"เสี่ยกระเป๋าตุง"

จนกระทั่งได้ถูกใจวีเจสาวคนหนึ่งที่จัดสดหน้าแอปดังกล่าว และได้พูดคุยกันส่วนตัวโอนเงินให้ตลอดครั้งละ 1-2 หมื่นบาท บางวันถึง 6 หมื่นบาท จนกระทั่งพาวีเจสาวมาเที่ยวบ้านเมื่อหลายเดือนก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 กค แม่บอกว่าจะชวนไปเที่ยวบ้านวีเจสาวที่ลำปางและจะสู่ขอให้ โดยไปซื้อตั๋วเครื่องบิน 7 ใบเพื่อพาตนและแฟนรวมทั้งญาติพี่น้องไปบ้านผู้หญิงวันที่ 19 กค เนื่องจากเป็นวันเกิดตน แต่วีเจสาวยังไม่อยากไปจึงชวนตนหนีไปเที่ยวพัทยาและไปเป็นเพื่อนวีเจสาวซื้อรถซีวีครุ่นใหม่ป้ายแดง ก่อนที่สาวจะมาปล่อยทิ้งเอาไว้ที่รังสิต เนื่องจากไม่อยากเจอครอบครัว และตนได้พยายามโทรศัพท์เข้าไปติดต่อกับวีเจสาวแต่ไม่รับสาย ซึ่งจะบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันแล้ว เพราะเห็นแก่แม่รู้สึกผิดที่ทำลงไป และยอมที่จะทำงานเก็บเงินสะสมใช้หนี้แม่

ด้านนางศิริกานต์ กล่าวว่าตนได้ให้ลูกชายลงประจำวันเอาไว้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใน 7 วันหากยังติดต่อกับวีเจสาวอีกก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ส่วนการดำเนินการกับวีเจสาวนั้น ตนก็ทำใจแล้วเพราะคงทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากลูกชายให้ด้วยความเสน่หาเอง รู้สึกเสียดายเงินมาก แต่ไม่รู้จะทำยังไง อย่างไรก็ตามตนไม่ได้เจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงบริษัทหรือแอปดังกล่าว แต่เห็นว่าทางการควรเข้าไปดูเนื่องจากพฤติกรรมในแอพทำให้มีคนที่ใจแตกแบบลูกชายเสียเงินทางไปอย่างมาก และล่าสุดยังมีผู้หญิงอ้างเป็นทนายความของวีเจสาวโทรมาขู่ว่าจะฟ้องตนและครอบครัวที่ทำให้เสียหาย ซึ่งตนเองก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เพราะเสียเงินไปแล้วยังมาเจอข่มขู่อีก ก็อาจจะต้องไปหากยังไม่หยุด