รถแบ็คโฮอย่างน้อย 2 คันที่ปิดกั้นเส้นทางทางเข้าออกของพระวัดธรรมกายตั้งแต่เมื่อคืนนี้เป็นภาพที่บ่งบอกถึงบรรยากาศเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และศิษยานุศิษย์ของวัดแห่งนี้อย่างชัดเจน เมื่อดีเอสมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามกฎหมายด้วยการจับกุมตัวพระเทพญาณมหามุนีหรือพระธัมมชโย แต่ลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ไม่ยอมให้ความร่วมมือ คำถามก็คือว่า ดีเอสไอจะมีทางเลือกอะไรบ้าง
นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุ ศิษย์วัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยเรืออากาศโทนายแพทย์ ชูชัย พรพัฒนาพันธุ์ แพทย์ผู้รักษาพระธัมมชโยยืนยันอีกครั้งในการแถลงข่าวบ่ายนี้พระธัมมชโยจะไม่ออกจากวัดไปรับทราบข้อกล่าวหารับของโจรและฟอกเงิน ด้วยข้ออ้างว่ายังอยู่ในอาการอาพาธ หลังจากเกิดอาการวูบ หน้ามืด เวียนศีรษะ บ้านหมุน ขณะเตรียมตัวไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจคลองหลวง จ. ปทุมธานีเมื่อวานนี้
หลังการประชุมของ ดีเอสไอ ช่วงนี้ พล.อ.ไพบูลย์ ชี้แจงว่าจะดำเนินการรตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งหมายความว่าหากต้องเข้าไปจับกุมตัวที่วัดก็ต้องขอหมายค้นจากศาล รวมทั้งขอให้มหาเถรสมาคมเข้าจัดการกับเรื่องนี้ และคาดว่า จะสรุปสำนวนคดีเสร็จใน 2-3 สัปดาห์ โดยไม่ต้องให้นายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา 44 ตามที่มีคนบางกลุ่มเรียกร้อง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของดีเอสไอ ยอมกับ PRIME TIME ว่า การใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ เข้าไปจับกุม พระธัมมชโย นั้นสุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าและการปะทะ เพราะวัดพระธรรมกาย ได้มีการเกณฑ์ลูกศิษย์วัดไม่ต่ำกว่า 5,000 คน และพระลูกวัด ทำเป็นกำแพงมนุษย์ เพื่อไม่ให้ ดีเอสไอ
เข้าถึงตัวพระธัมมชโย ที่พักรักษาตัวภายในอาคารภาวนา ในเมื่อสถานการณ์อยู่ในภาวะเผชิญหน้า ดีเอสไอ มีทางเลือกอะไรบ้าง
แหล่งข่าวเปิดเผยกับ Prime Time ว่าทางเลือกแรกคือ การเจรจา แต่ก็ค่อนข้างแน่ชัดว่าพระธัมมชโย คงไม่ยอมมอบตัวง่ายๆ แน่ ทางเลือกที่สอง คือการใช้กำลังเข้าบุก วิธีนี้ประเมินแล้วว่า อาจจะทำให้เกิดการเผชิญหน้า เจอโล่มนุษย์ที่วัดธรรมกายจัดตั้ง และอาจมีมือที่สาม เข้ามาผสมโรงทำให้สานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้น
แต่ทางเลือกที่ พล.อ.ไพบูลย์ เห็นว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดถ้าทั้งการเจรจาและการใช้กำลังไม่ได้ผล ก็คือการยื่นเรื่องให้ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะหาทางออกอย่างไร
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันว่า ฝ่ายความมั่นคงสามารถดูแลสถานการณ์ กรณีวัดพระธรรมกายได้อย่างแน่นอน และไม่กังวลว่าจะกลายเป็นเหตุที่บานปลาย เพราะขณะนี้ ยังไม่มีเหตุผลให้เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโยภายในวัด และอยากให้สังคมมองคดีนี้ ให้เป็นเพียงคดีเล็ก ๆ คดีหนึ่งเท่านั้น
อดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย นายแพทย์ มโน เลาหวณิช เดินทางมาร่วมหารือกับดีเอสไอด้วยเช่นกัน และให้คำแนะนำว่า อีเอสไอควรประสานให้สมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าสมเด็จพระสังฆราช และเคยเป็นพระอุปัชฌาของพระธัมมชโย ช่วยเข้ามาไกล่เกลี่ยให้มอบตัว เพราะเป็นหลักการที่หลีกเลี่ยงการปะทะได้มากที่สุด รวมถึงเรียกร้องให้มหาเถรสมาคม ออกมาแสดงบทบาทในเรื่องนี
"ผมเชื่อว่าการที่พระธัมมชโยเปลี่ยนใจไม่เข้ามอบตัววานนี้ เพราะกลัวถูกแพทย์ตรวจอาการอาพาธแล้วจะรู้ว่าไม่ได้อาพาธถึงขนาดเดินไม่ได้ และอาจถูกกล่าวหาว่าลวงโลกอีกครั้ง อีกทั้งพระธัมมชโยกลัวการสอบสวนที่สุด การเข้ามมอบตัวจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การนัดมอบตัวเกิดขึ้นคาดว่าเป็นการร้องขอจากศิษย์ แต่สุดท้ายคนที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดก็คือพระธัมมชโย ที่มีนิสัยเปลี่ยนใจร้อยครั้ง หากพระธัมมชโยพูดอะไรทุกคนเชื่อหมด ต้องทำตามอย่างเดียว"