วันที่ 27 พ.ย. ที่สน.บางซื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รรท ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนา เพศยาวิน รองผบก.น.2 และ พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สน.บางซื่อ ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมนายพัช(นามสมมติ) อายุ 19 ปี และนายธิต(นามสมมติ) อายุ 18 ปี รวมทั้งเยาวชนร่วมแก๊งอีก 4 คน พร้อมของกลางรถ จยย.ฮอนด้า โซนิค สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 1 กฉ 8432 กทม. และรถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ 3 คัน โดยจับกุมได้ที่บ้านพัก ซอยประชาชื่น 37 แยก 9 ถนนประชาชื่น แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามขยายผลกระทั่งมีรายงานว่าพบคนร้ายรูปพรรณสัณฐานตามภาพที่ปรากฏตามข่าว บริเวณซอยประชาชื่น 37 จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านพักหลังดังกล่าว และสามารถจับกุมผู้ต้องได้ 6ราย พร้อมของกลางรถ จยย.ฮอนด้า โซนิค สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 1 กฉ 8432 กทม. ได้ภายในบ้านพักย่านซอยวัดทอง ถนนกรุงเทพฯ-นนท์ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาที่ สน.ประชาชื่น
พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยต่อว่า จากการสอบสวนนายพัช ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยในวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุทั้งหมด 6 แห่งในพื้นที่ บก.น.2 ได้โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง และเงินสด 200 บาท กระทั่งจุดสุดท้ายหน้าอาคารชินวัตร 2 พบนายสมชายนั่งอยู่ จึงจอดรถแล้วให้เพื่อนอีก2คนเป็นผู้ก่อเหตุ แต่นายสมชายขัดขืนเพื่อนจึงใช้มีดแทงจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งที่ทำการปล้นทรัพย์เป็นแท๊บเล๊ตโน๊ต 3 หลังจากนั้นได้พากันหลบหนีไป จากนั้นนำแท็บเลตไปขายที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ได้เงินมา 3,200 บาท แล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งกันภายในกลุ่ม ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การว่าที่ก้อเหตุเพราะมึนเมาจากสารที่เป็นส่วนผสมของยาแก้ไอ ตำรวจจีงต้องทำการตรวจสอบว่ามีสารเสพติดอื่นหรือไม่ อย่างไรก็ตามนายพัชร เคยมีประวัติคดีครอบครองยาเสพติด พื้นที่สน.ประชาชื่น
นายพัชร กล่าวว่า นายไบรท์หนึ่งในสอง ที่เป็นมือแทงและยังหลบหนีอยู่ เป็นหัวหน้ากลุ่ม และจะไปรวมตัวกันทุกวันที่บ้านของเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่ก่อเหตุ โดยตนมีหน้าที่เพียงขับขี่รถ จยย.ในขณะขับขี่อยู่นั้น หากนายไบรท์ต้องการจะก่อเหตุก็จะสั่งให้ตนจอดรถรอ และลงมือก่อเหตุรวมกับเพื่อนอีกคน ซึ่งหลังจากก่อเหตุในครั้งนี้ได้เงินส่วนแบ่งเพียง 600 บาท หลังจากนั้นนำเงินที่ได้ไปใช้เที่ยวเล่นตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายไปทำแผนเพื่อประกอบคำรับสารภาพท่ามกลางประชาชนจำนวนมากพร้อมด้วยฝ่ายญาติของผู้เสียชีวิตที่มาเฝ้ารอดูการทำแผนด้วยความโกรธแค้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถให้ผู้ต้องหาลงมาทำแผนได้จึงใช้ตัวแทนในการทำแผนแทน ส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจจึงส่งเสียงโหร้องเป็นระยะ ๆ
หลังจากเสร็จสิ้นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นาย ฉลวย สอาดจิตร์ อายุ 60 ปี พ่อของผู้ตายได้เข้าพบพล.ต.ท.ศานิตย์ เพื่อขอบคุณที่ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายที่กระทำความผิดมาดำเนินคดี