กำไรไม่แผ่ว แม้จะเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือน แต่ตัวเลขการปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่งสามารถทำกำไรในปี 66 รวมได้ประมาณ 232,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.95% เมื่อเทียบจากปี 65 ที่มีกำไร อยู่ที่ 200,116 ล้านบาท
โดยธนาคารที่ทำกำไรสูงสุดในปี 2566 เป็น บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด(มหาชน) หรือ SCBX ที่ทำได้ 43,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.90% จากปี 65 ที่อยู่ 37,546 ล้านบาท และ ธนาคารที่มีกำไรเติบโตมากสุดถึง 42.10% คือ ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL หลังธนาคารมีรายได้จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น
ล่าสุดจากการประกาศงบไตรมาส 1/67 ธนาคารพาณิชย์ไทย 9 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 49,995ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 49,395.5 ล้านบาท โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ การขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ
นอกจากนี้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการลงทุน และบางธนาคารสามารถขยายรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากบริการประกันผ่านธนาคาร และรายได้การดำเนินงานอื่นๆ ส่งผลให้โดยรวมมีการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) เช่น ธนาคารกรุงเทพ NIM อยู่ที่ 3.06%% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.84%
ธนาคารกรุงไทย อยู่ที่ 3.3% จากเดิมอยู่ที่ 3% ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.83%จากเดิมอยู่ที่ 3.46% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อยู่ที่ 4.16% จากเดิมอยู่ที่ 3.91% และ ธนาคารทีทีบีอยู่ที่ 3.28% จากเดิมอยู่ที่ 3.08%
โดยในสัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ( วันที่ผู้ซื้อไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) ประกอบด้วย
- KBANK ขึ้น XD วันที่ 22 เม.ย. จ่ายเงินปันผล 6 บาทต่อหุ้น (งวดสุดท้าย ก.ค.-ธ.ค.66 ) ในวันที่ 10 พ.ค.67 จากจำนวนหุ้น 2,369,327,593 หุ้น คิดเป็นเงิน 14,215.96 ล้านบาท โดยเงินปันผลจาก กำไรสะสม
ผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 333,112,033 หุ้น สัดส่วน 14.06%
2. STATE STREET EUROPE LIMITED 218,990,545 หุ้น สัดส่วน 9.24%
3. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 123,834,945 หุ้น สัดส่วน 5.23%
4. THE BANK OF NEW YORK MELLON 79,057,884 หุ้น สัดส่วน 3.34%
5. สำนักงานประกันสังคม 67,159,400 หุ้น สัดส่วน 2.83%
- BBL ขึ้น XD วันที่ 23 เม.ย. จ่ายปันผล 5 บาทต่อหุ้น (งวดสุดท้าย ก.ค.-ธ.ค.66 ) ในวันที่ 10 พ.ค. 2567 คิดเป็นเงิน 9,544 ล้านบาท โดยเงินปันผลจาก กำไรสะสม
ผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 426,854,539 หุ้น สัดส่วน 22.36%
2.บริษัท ซิตี้เรียลตี้ จำกัด 76,540,500 หุ้น สัดส่วน 4.01%
3.สำนักงานประกันสังคม 59,377,000 หุ้น สัดส่วน 3.11%
4. THE BANK OF NEW YORK MELLON 51,727,399 หุ้น สัดส่วน 2.71%
5. STATE STREET EUROPE LIMITED 47,606,559 หุ้น สัดส่วน 2.49%
- TISCO ขึ้น XD วันที่ 24 เม.ย. จ่ายปันผล 5.75 บาทต่อหุ้น (งวดสุดท้าย ก.ค.-ธ.ค.66) ในวันที่ 15 พ.ค.67 คิดเป็นเงิน 4,603.76 ล้านบาท โดยปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม
ผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1. CDIB & PARTNERS INVESTMENT HOLDING PTE.LTD. 80,065,320 หุ้นสัดส่วน 10%
2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด71,407,616 หุ้น สัดส่วน 8.92%
3. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 55,861,858 หุ้น สัดส่วน 6.98%
4. TOKYO CENTURY CORPORATION 39,482,767 หุ้น สัดส่วน 4.93 %
5. STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY 25,658,200 หุ้น สัดส่วน 3.20%
- KKP ขึ้น XD วันที่ 26 เม.ย. จ่ายปันผล 1.75 บาท (งวดสุดท้าย ก.ค.-ธ.ค.66) ในวันที่ 16 พ.ค. 67 คิดเป็นเงิน 1,058.45 ล้านบาท โดยปันผลจากกำไรสุทธิ
ผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1. บริษัท โชติธนวัฒน์ จำกัด 44,593,600 หุ้น สัดส่วน 5.27%
2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 44,528,744 หุ้น สัดส่วน 5.26%
3. บริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด 36,699,660 หุ้น สัดส่วน 4.33%
4. น.ส. ฐิตินันท์ วัธนเวคิน 35,532,761 หุ้น สัดส่วน 4.20%
5. บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) 34,867,143 หุ้น สัดส่วน 4.12%
“หุ้นปันผล” เป็นหุ้นประเภทหนึ่งที่นักลงทุนต้องการมีเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน เพื่อหวังที่จะได้เงินปันผลเป็นรายได้เสริมหรือรายได้หลักหลังเกษียณ หรือมีหุ้นปันผลเพื่อลดความเสี่ยงและให้มีอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด(Outperform) ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน โดยปัจจุบันบริษัทนิยมจ่ายเงินปันผล 2 แบบ
จ่ายเป็นเงินสด (Cash Dividend) เป็นรูปแบบที่บริษัทนิยมมากที่สุด โดยเงินปันผลนำมาจากกำไรหรือกำไรสะสมของบริษัท โดยเป็นการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานปกติ
จ่ายเป็นหุ้น (Equity Stock Dividend) ด้วยการเพิ่มทุนเป็นหุ้นสามัญแล้วนำมาจ่ายปันผล โดยกำหนดจ่ายเป็นอัตราส่วนที่กำหนด เช่น จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นปันผลในอัตราส่วน 10:1 หมายความว่า ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับหุ้นปันผล 1 หุ้นทุก ๆ หุ้นเดิมที่ถือจำนวน 10 หุ้น
ซึ่งหากถือหุ้นสามัญ 1,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 100 หุ้น หากถือหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 1,000 หุ้น เป็นต้นการลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนจะต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจทุกครั้ง ทั้งในเรื่องธุรกิจ ผลประกอบการ แผนการลงทุนในอนาคต และนโยบายการบริหารของฝ่ายบริหาร
การวางแผนการลงทุนให้ครบทั้งระยะสั้น กลาง และยาว จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง...