กฎหมายพื้นฐาน หรือ ธรรมนูญ ( Basic Law ) อนุญาตให้ฮ่องกงยังคงมีระบบการเงินและกฎหมายของตนเอง ยังคงมีเสรีภาพพลเรือนแบบที่คนในแผ่นจีนใหญ่ไม่เคยมี อาทิ ระบบตุลาการที่เป็นอิสระ เสรีภาพสื่อ และสิทธิในการชุมนุมประท้วง นอกจากนี้ ธรรมนูญฮ่องกงยังระบุถึงการให้สิทธิการเลือกตั้งอย่างทั่วถึง ( universal suffrage ) เป็นเป้าหมายในท้ายที่สุด แต่ไม่ได้ระบุกรอบเวลาหรือลงรายละเอียดว่าการปฏิรูปการเมืองควรเป็นรูปเป็นร่างเมื่อใด
การประท้วงระลอกล่าสุดมีขึ้นหลังจาก เมื่อสิงหาคม สภาประชาชนจีนปฏิเสธข้อเรียกร้องให้ประชาชนในฮ่องกงเลือกผู้นำคนใหม่อย่างเสรีในปี 2560
ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนปัจจุบัน มาจากการคัดสรรของคณะกรรมการที่ประกอบด้วยบุคคลจากหลากหลายวงการแต่สนับสนุนรัฐบาลปักกิ่งจำนวน 1,200 คน
ประชาชนเบื่อหน่าย..ผลสำรวจพบว่าคะแนนนิยมคณะผู้บริหารปัจจุบันตกต่ำฮวบฮาบ ขณะที่ความไม่ไว้วางใจรัฐบาลกลางปักกิ่งก็เพิ่มถึงขีดสุดนับจากส่งมอบดินแดน ความไม่พอใจโดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว โดยหลักมาจากความเหลื่อมล้ำที่ขยายใหญ่ และความไม่พอใจกระแสหลั่งไหลเข้าไปของผู้ไปเยือนจากแผ่นดินใหญ่กระเป๋าหนัก กว้านซื้อทุกสิ่งอย่างตั้งแต่อพาร์ตเมนต์จนถึงนมผง
ผลสำรวจเผยแพร่เมื่อ 21 กันยายนที่ผ่านมา ระบุว่าชาวฮ่องกง 1 ใน 5 มีความคิดอพยพ
ไม่ใช่ทุกคนสนับสนุนการประท้วง ...กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลปักกิ่งอย่างกลุ่ม"เสียงเงียบส่วนใหญ่เพื่อฮ่องกง" มองว่านักเคลื่อนไหวเหล่านี้จะสร้างความโกลาหลและเป็นอันตรายต่อฮ่องกง พวกเขาซื้อพื้นที่โฆษณาในสื่อท้องถิ่นเพื่อแจกแจงว่าการประท้วงเช่นนี้จะส่งผลเสียอย่างไรบ้าง และเคยออกมาชุมนุมต่อต้าน ออคคิวพาย ฮ่องกง ครั้งใหญ่สุดเมื่อ 17 สิงหาคม แต่ต่อมาถูกจับได้ว่ามีการจ้างผู้ชุมนุมบางส่วน จึงถูกตั้งคำถามเรื่องความชอบธรรมและพลังของฝ่ายนี้ อย่างไรก็ดี นักธุรกิจจำนวนไม่น้อยก็ห่วงว่าการเคลื่อนไหวไม่จบสิ้นในย่านการเงิน จะทำลายชื่อเสียงฮ่องกงในฐานะสถานที่ปลอดภัยและมีเสถียรภาพสำหรับการทำธุรกิจ
ผลสำรวจโดยมหาวิทยาลัยไชนีสในเดือนนี้ พบว่า 46 % ไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวแบบ ออคคิวพาย เซ็นทรัล ขณะ 31 % สนับสนุน
. จีนมองว่าฮ่องกงสับสน..รัฐบาลปักกิ่งออกรายงานเมื่อมิถุนายนระบุว่า ประชาชนในฮ่องกงสับสน หรือเข้าใจหลัก"หนึ่งประเทศ สองระบบ" คลาดเคลื่อน ซึ่งบ่งชี้ว่า ไม่มีทางที่รัฐบาลจีนจะโน้มเอียงไปในทางปฏิรูปเลือกตั้งในฮ่องกง
นายหลี่ เฟ่ย เจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนระบุว่า การคัดกรองผู้สมัครก่อนมีความจำเป็น เพื่อรับประกันว่า ผู้บริหารฮ่องกงจะรักทั้งจีนและฮ่องกง และจะปกป้องอธิปไตย ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและการพัฒนาของประเทศ
ทุกฝ่ายกำลังจับจ้องไปที่รัฐบาลปักกิ่งว่าจะมีปฏิกริยาอย่างไรต่อคลื่นมหาชนที่ออกมาประท้วงในครั้งนี้ ที่ถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐบาลกลางโดยตรง การอ่อนข้อให้ไม่สามารถทำได้ แต่ขณะเดียวกัน ก็จะต้องระมัดระวังเรื่องการใช้กำลังสลายและผลพัวพันจากการทำเช่นนั้น
ฮ่องกงควรรับข้อเสนอ...คณะผู้บริหารฮ่องกงระบุว่า ประชาชนควรตอบรับข้อตกลงปฏิรูปเลือกตั้งที่รัฐบาลปักกิ่งเสนอให้
ข้อตกลงใหม่จะอนุญาตให้ผู้ลงทะเบียนเลือกตั้ง 5 ล้านคนในฮ่องกง เลือกผู้นำของตนเองได้ในการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในปี 2560 นี้ หากแต่ผู้สมัครจะต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการชุดหนึ่งที่คล้ายกับคณะกรรมการที่คัดเลือกผู้บริหารฮ่องกงเมื่อปี 2555 โดยจะคัดสรรเหลือผู้สมัคร 2-3 คนเพื่อให้ชาวฮ่องกงเลือก แต่ฝ่ายวิจารณ์ระบุว่า สูตรนี้ก็เท่ากับว่า มีแต่ผู้สมัครที่ปักกิ่งให้ผ่านแล้วเท่านั้นที่จะมาปรากฎชื่อบนบัตรเลือกตั้ง แต่ประชาชนไม่มีสิทธิเลือกผู้นำของตนเอง