เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมได้เงินซื้อผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพ เพื่อกู้วิกฤติจากผลงานที่ย่ำแย่ในช่วงนี้ หลัง เดลี มิร์เรอร์ สื่ออังกฤษ เปิดเผยว่า ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของกิจการลูกหนังแห่งถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมอนุมัติเงินชอปปิ้งก้อนใหญ่เป็นจำนวนสูงถึง 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,000 ล้านบาท) โดยตั้งเป้ากลับไปเกาะกลุ่ม "ท็อปโฟร์" ใน 4 อันดับแรกบนหัวตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกให้ได้ สำหรับการคว้าโควตาไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ช่วงฤดูกาลหน้า ซึ่งตอนนี้ แมนฯยูไนเต็ด อยู่อันดับ 7 แข่ง 20 นัด มี 34 แต้ม แต่มีคะแนนตามหลัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 4 เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น ทว่า บอร์ดบริหารแมนฯยูไนเต็ด จะไม่มีการทุ่มเงินคว้าผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 แบบบ้าเลือดอย่างแน่นอน แต่พร้อมอนุมัติเงินให้ มอยส์ นำไปซื้อแข้งใหม่ที่สามารถล็อกเป้าเอาไว้ได้แล้ว เนื่องจากโค้ชชาวสกอตยังไม่มีการระบุเป้าหมายที่ชัดเจน แม้จะให้ความสนใจในฝีเท้าของ โกเก้ กองกลางดางรุ่งทีมชาติสเปนของ แอตเลติโก มาดริด, เอเลียควิม มองกาลา กองหลังดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสของ ปอร์โต, ลุค ชอว์ แบ็คซ้ายดาวรุ่งดีกรีทีมชาติอังกฤษของ เซาแธมป์ตัน รวมถึง 2 ดาวเตะทีมชาติเยอรมนีของ "เสือเหลือง" ดอร์ทมุนด์ อย่าง มาร์โก รอยส์ และ อิลคาย กุนโดกาน เหมือนที่ตกเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่กลับยังไม่มีทีท่าว่าจะมีการเริ่มติดต่อทาบทามใครคนใดคนหนึ่งเข้ามาร่วมทีมในช่วงนี้แบบจริงจัง อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด ส่อชวดได้ตัวหนึ่งในเป้าหมายสำคัญอย่าง ฟาบิโอ โคเอนเทรา แบ็คซ้ายทีมชาติโปรตุเกสของ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด เสียแล้ว เนื่องจาก "คาร์เลตโต" คาร์โล อันเชลอตติ นายใหญ่แห่งถิ่นซานติอาโก เบอร์บานิว อยากที่จะเก็บตัวฟูลแบ็ควัย 25 ปีรายนี้เอาไว้ใช้งานต่อไปมากกว่า แม้เคยตั้งท่าพร้อมปล่อยยืมตัวในช่วงก่อนเริ่มต้นฤดูกาลนี้ แถมยังเกือบได้ย้ายไปค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ตอนช่วงก่อนปิดตลาดซื้อขายนักเตะรอบแรกเมื่อกลางปีที่แล้วอีกด้วย แต่สุดท้ายกลับติดปัญหาในเรื่องของเอกสาร จึงทำให้ "ปีศาจแดง" ประสบความล้มเหลวในเรื่องของการซื้อผู้เล่นหน้าใหม่ที่เคยเล็งเอาไว้หลายราย และสามารถคว้าตัวเข้ามาเสริมทัพได้เพียงแค่รายเดียว คือ มารูยาน เฟลไลนี กองกลางทีมชาติเบลเยียมที่ดึงตัวมาจาก "ทอฟฟีสีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ในราคา 27.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,375 ล้านบาท)