
ย้อนหลังไปเมื่อพ.ศ. 2493 ได้เกิดกรณีพิพาทขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือ กับ เกาหลีใต้ ประเทศไทยในฐานะสมาชิกองค์การสหประชาชาติได้จัดส่งกำลังทหารทั้ง 3 เหล่าทัพไปร่วมรบ ทางกองหลวงทัพเรือจึงได้ส่ง "เรือรบหลวงประแส" ไปร่วมรบ
หลังสงครามสิ้นสุด เรือรบดังกล่าวได้รับการซ่อมบำรุงปรับปรุงอยู่หลายครั้ง รวมทั้งใช้ฝึกร่วมกับต่างประเทศในแถบทะเลจีนใต้และอ่าวไทย นอกจากนั้นได้ใช้เรือฝึกนักเรียนนายเรือเดินทาง ฝึกทั้งภายในและต่างประเทศจนถึงปีพ.ศ. 2537 เรือรบหลวงประแสมีสภาพเก่า ชำรุด ไม่คุ้มกับการซ่อมทำใหม่ จึงได้ใช้เรือจอดสำหรับนักเรียนนายเรือและนักเรียนต่าฝึกเป็นต้นมา เรือรบหลวงประแสปลดระวางประจำการ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2543 ซึ่งเทศบาลตำบลปากน้ำประแสและหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดระยอง มีความคิดตรงกันที่จะนำเรือรบหลวงประแสกลับมาตั้งเป็นอนุสรณ์สถาน ณ ตำบลปากน้ำประแส เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้อนุชนรุ่นหลังต่อไป
กองทัพเรืออนุมัติจำหน่ายเรือหลวงประแสให้แก่จังหวัดระยองเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 และ ในวันที่ 24 ธันวาคม 2546 กองทัพเรือ โดยพลเรือตรีพิสิฎฐ์ อยู่รอด ผู้อำนวยการอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช ทำพิธีลงนามที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ส่งมอบเรือหลวงประแสให้จังหวัดระยอง โดยนายวิจารณ์ ไชยนันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเป็นตัวแทนรับมอบ โดยมีนายไชยรัตน์ เอื้อตระกูล นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำประแส พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร/สมาชิกสภาเทศบาลตำบลปากน้ำประแส และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเรือรบประแส ไปตั้งเป็นอนุสรณ์แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นสักขีพยาน
ข้อมูล : เทศบาลตำบลปากน้ำประแสProducer : ณิชพน มีสีPhotographer : ประเสริฐ เทพศรี