เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของสิ้นปี เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีการวางแผนมองหาสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ กับคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท เพื่อรีเฟรชตัวเองและดื่มด่ำกับธรรมชาติ พร้อมถ่ายรูปอวดผิวสวยลงโซเชียล แต่เราอาจหลีกเลี่ยงปัญหาผิวที่มาพร้อมกับการเดินทางไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง การดื่มน้ำหรือรับประทานผักผลไม้ไม่เพียงพอ ล้วนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวอ่อนล้า หมองคล้ำ ไม่สดใส
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงภัทรพร ภัทรากร ได้แนะวิธีเซฟผิวสวยระหว่างการเดินทางว่า “หลายคนมักรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และอาจพบเจอกับปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความแตกต่างกันของสภาพอากาศและเขตเวลา ทำให้ร่างกายของเราปรับตัวไม่ทัน จึงง่ายต่อการเกิดปัญหาผิว อาทิ สิว ผดผื่น และความหมองคล้ำ หากเป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินติดต่อกันหลายๆ ชั่วโมง ยิ่งทำให้ผิวสูญเสียน้ำได้ง่าย จนนำไปสู่สภาวะผิวขาดน้ำ เนื่องจากมีสภาพความกดอากาศสูงภายในเครื่องบิน
ดังนั้นการดูแลผิวพรรณระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเราอาจเผชิญกับปัญหาผิวโดยที่เราอาจคาดไม่ถึงได้ เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด การปรับสภาพผิวและกระชับรูขุมขน รวมถึงการเลือกครีมบำรุงที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิว อาจจะเน้นครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการมอบความชุ่มชื้นสู่ผิว หากต้องเดินทางเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมง ควรพกมาส์กเพื่อการบำรุงหรือสลีปปิ้งมาสก์แบบเจล เพื่อฟื้นฟูและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิว หากมีปัญหาใต้ตาคล้ำก็เพิ่มการบำรุงด้วยอาย เซรั่ม ที่สำคัญการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็จะช่วยให้สุขภาพไม่อ่อนเพลียและผิวพรรณยังสดใสอยู่เสมอ
การเดินทางท่องเที่ยวไปในแต่ละสถานที่นั้นย่อมทำให้เราต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วการดูแลผิวอาจจะไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม แต่หากเราเดินทางไปสถานที่ที่มีแสงแดดจ้ามากก็อาจจะต้องเน้นเรื่องกันแดดมากเป็นพิเศษ ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หากเดินทางไปในที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สามารถเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว ก็สามารถช่วยดูแลและแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการดูแลผิวแบบล้ำลึก (Deep nourishment) ที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูสภาพผิว ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งกระบวนการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin),
สารสกัดจากเซลล์ต้นกำเนิดของข้าว (Rice Callus Culture Extract) อุดมด้วยกรดไขมันที่เป็นประโยชน์, วิตามิน อี และสารแกมม่าออริซานอล (Gamma-Oryzanol) มอบความชุ่มชื้นพร้อมคุณสมบัติเป็นสาร Anti-oxidant ทรงประสิทธิภาพ ปกป้องผิวจากมลภาวะ, สารสกัดจากรากของต้นหญ้าทะเลทราย (Imperata cylindrica root extract) รักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิวได้ยาวนาน เป็นต้น
นอกเหนือจากการบำรุงผิวจากภายนอกแล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่งคือควรดูแลตัวเองจากภายในควบคู่ไปด้วย ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป สามารถคำนวณได้จากน้ำหนักตัว (ก.ก.) x 33 =… ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 4 แก้ว) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลาทะเล ผัก ผลไม้ ธัญพืช ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ รวมถึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการดูแลตัวเองที่ถูกต้องควรจะใส่ใจให้ครบทุกด้าน จึงจะสามารถสร้างความสมบูรณ์แบบได้ในทุกมุมมอง
ข้อมูลจาก ธัญ