svasdssvasds
เนชั่นทีวี

lifestyle1

เปิดดัชนีชี้วัดความมั่นใจในตนเอง พบคนไทยมั่นใจถึง 84% แต่ยังอยากอัพเพิ่ม

เมิร์ซ เอสเธติกส์ เจาะลึกอินไซด์ผู้บริโภคด้านความมั่นใจ (Self-Confidence Index) พบคนไทยมีระดับความมั่นใจในตนเองเฉลี่ย 84% แต่ยังอยากเพิ่มความดูดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ชี้มีความภูมิใจพุ่งสูงถึง 91% ภายหลังจากเข้ารับบริการหัตถการความงาม

ด้วยแนวคิด “พลังแห่งความมั่นใจ (The Power of Confidence)” ล่าสุดเนื่องในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 “เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย (Merz Aesthetics Thailand)” เปิดแผนกลยุทธ์ธุรกิจ เดินหน้าเป็นผู้นำสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดทำดัชนีชี้วัดความมั่นใจในตนเองของคนไทย (Self-Confidence Index) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเจาะลึกอินไซด์ของผู้บริโภคในด้านความมั่นใจ และต่อยอดสู่แคมเปญการสื่อสารที่ยั่งยืน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัชราภรณ์ บุญญศิริวัฒน์ อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเป็นที่ปรึกษาดูแลการวิจัยในภาพรวม

เปิดดัชนีชี้วัดความมั่นใจในตนเอง พบคนไทยมั่นใจถึง 84% แต่ยังอยากอัพเพิ่ม

สำหรับดัชนีชี้วัดความมั่นใจในตนเองของคนไทย หรือ Self-Confidence Index เก็บรวมรวมข้อมูลระหว่างเดือนธันวาคม 2566 - กุมภาพันธ์ 2567 จากการสำรวจผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มประชาชนทั่วไปทั้งชาย หญิง และ LGBTQ+ รวม 1,000 ราย ในช่วงอายุ 18-55 ปี โดยคำนึงถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการสร้างความมั่นใจและรูปแบบของความมั่นใจในด้านต่างๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในด้านความมั่นใจอย่างแท้จริง โดยผลสำรวจชี้ว่าคนไทยมีระดับความมั่นใจในตนเองเฉลี่ยอยู่ที่ 84% และทุกๆ เจนเนอเรชั่นมีระดับความมั่นใจในตนเองที่แตกต่างกันออกไปดังนี้

Gen X (Happiness) เป็นช่วงวัยที่เกิดความมั่นคงทั้งทางอาชีพ ประสบการณ์ และอารมณ์ จึงมีความมั่นใจในตนเองสูงสุด และมีพฤติกรรมการดูแลตัวเองตามช่วงอายุ ใช้ชีวิตแบบปล่อยวาง แต่จะรู้สึกเติมเต็มมากยิ่งขึ้น เมื่อรักษารูปร่างและหน้าตาให้มีความอ่อนเยาว์กว่าวัย   

Gen Y (Self-Love) เติบโตในช่วงเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี และได้ผ่านประสบการณ์ในสังคมมาระยะหนึ่งแล้ว เริ่มค้นพบความต้องการและเป้าหมายที่แท้จริงของตนเองว่าอยากดูดีในรูปแบบไหน ทำให้ Gen Y เน้นการดูแลตัวเองแบบ “Prejuvenation” เพื่อคงความอ่อนเยาว์

Gen Z (Ideal Self) เป็นช่วงวัยที่ได้รับอิทธิพลจากคนดังในโลกโซเชียลมีเดีย จึงมีความตื่นตัวอย่างมากกับความรู้เกี่ยวกับความงามและการดูแลผิวด้วยตนเอง ทำให้มีคะแนนความมั่นใจด้านหน้าตาและรูปร่างน้อยกว่าเจนอื่นๆ 

เปิดดัชนีชี้วัดความมั่นใจในตนเอง พบคนไทยมั่นใจถึง 84% แต่ยังอยากอัพเพิ่ม

ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่นใจมีทั้งหมด 6  ด้าน ได้แก่ 

  1. ด้านทัศนคติ (Attitude & Mindset)
  2. ด้านสังคมรอบตัว (Social)
  3. ด้านการงานและการเรียน (Work & Study)
  4. ด้านสุขภาพ (Health)
  5. ด้านรูปลักษณ์ภายนอก (Appearance)
  6. ด้านการเงิน (Income)

โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองมากที่สุด คือด้านรูปลักษณ์ภายนอก (Appearance) ในขณะที่ระดับคะแนนความมั่นใจในด้านรูปลักษณ์ภายนอกกลับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 82%

อย่างไรก็ตาม คนไทยส่วนใหญ่ต้องการที่จะเป็นตัวของตัวเอง แต่ยังอยากเสริมเติมแต่งเพิ่มความดูดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมโซเชียลมีเดียของคนไทย ที่นิยมใช้แอปพลิเคชันในการปรับแต่งรูปให้ออกมา “เป็นตัวเองที่ดูดีขึ้น” เพื่อเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิต 

เภสัชกรหญิงกิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้บริหารสูงสุด เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทยและสิงคโปร์ 

“ที่ผ่านมาเราบอกเสมอว่า เราขาย Confidence (ความมั่นใจ) การไปฟิตเนส หรือการเข้าคลินิก คือการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค”  เภสัชกรหญิงกิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้บริหารสูงสุด เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทยและสิงคโปร์ กล่าว

ช่องว่างของระดับคะแนนความมั่นใจจึงเปิดโอกาสให้ บริษัทฯ เดินหน้าผลักดันธุรกิจหัตถการความงาม โดยเชื่อว่าการเข้ารับบริการเสริมความงามจะเพิ่มความมั่นใจให้คนไทยอย่างยั่งยืน สะท้อนจากอินไซต์ของผลสำรวจที่พบว่า คนไทยมีคะแนนความมั่นใจในตนเองเฉลี่ยสูงถึง 91% ภายหลังจากเข้ารับบริการหัตถการความงาม และคนไทยส่วนใหญ่ยอมรับว่าการทำหัตถการความงาม เป็นหนึ่งในทางเลือกที่สำคัญ สำหรับเสริมความมั่นใจให้ตัวเองได้ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความกังวลต่างๆ ที่มีต่อผิวพรรณและรูปร่างตนเองได้ในเวลาอันสั้น ช่วยให้ตนเองโฟกัสชีวิตตัวเองในด้านอื่นๆ ได้อย่างสบายใจ 

ทั้งนี้ Self-Confidence Index จะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับเมิร์ซ ในการเจาะลึกพฤติกรรมของผู้บริโภคในไทยได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น นำมาสู่แคมเปญการสื่อสารที่จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจคนไทยไปอีกหนึ่งขั้นในอนาคต