มีอาการแบบนี้บ้างไหม รู้สึกต่อต้านสังคม เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง คุณอาจเป็น "โรคไซโคพาธ"

กลายเป็นกระแสอีกครั้ง สำหรับ โรคไซโคพาธ หรือ Psychopaths หนึ่งในอาการป่วยทางจิตอีกรูปแบบหนึ่ง กลับมาเป็นที่สนใจในสังคมไทยอีกครั้ง หลังเกิดกรณีข่าวสุดเศร้าสะเทือนหัวใจคนไทยทั้งประเทศ กรณี "น้องต่อ" เด็กชายสุดน่ารักวัย 8 เดือน หายจากบ้านในที่จังหวัดนครปฐม ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อสงสัย และนำตัว น.ส.นิ่ม แม่ของน้องต่อ เข้ารับการตรวจสุขภาพจิต

เบื้องต้นมีรายงานว่า "แม่น้องต่อ" น้องนิ่ม อาจป่วยเป็น "โรคไซโคพาธ" ซึ่งเป็นโรคบุคลิกภาพผิดปกติ ขาดความสำนึกผิดความรู้สึกด้านชาไม่เกรงกลัว ขาดความยับยั้งชั่งใจ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น ขอสรุปรายละเอียดของโรคไซโคพาธ และไปทำความรู้จักอาการ พฤติกรรม สาเหตุ รวมทั้งวิธีการรักษาโรคนี้ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง จะได้รู้ทันโรคและรู้ทันโลก 

ทำความรู้จักโรคไซโคพาธ 

กรมสุขภาพจิต ระบุรายละเอียดของ “โรคไซโคพาธ” ไว้ว่า

โรคนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มของโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder) โดยมีลักษณะ ขาดความเห็นใจผู้อื่น ขาดความสำนึกผิด ความรู้สึกด้านชาไม่เกรงกลัว ขาดความยับยั้งชั่งใจ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง

สาเหตุของการเกิดโรคไซโคพาธ

ด้านทางกาย : ด้วยมีความผิดปกติของสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนหน้า-ส่วนอะมิกดะลา ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง หรืออุบัติเหตุทางสมอง และพันธุกรรม

ด้านจิตใจและสังคม : ด้วยถูกกระทำทารุณในวัยเด็ก ถูกเลี้ยงดูแบบละเลยเพิกเฉย

รวมทั้งยังอาจเกิดจากกรณีอาชญากรรมในครอบครัว ความแตกแยกในครอบครัว และสภาพสังคมรอบตัวที่โหดร้าย

อาการแสดงของโรค

อาการของผู้ป่วยโรคไซโคพาธ จะมีลักษณะจิตใจที่แข็งกระด้าง และยังมีพฤติกรรมตอบสนองต่อความต้องการของตนเอง โดยไม่สนใจผู้อื่นในสังคม ควบคู่กับการมีความผิดปกติทางอารมณ์ และความคิดโดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าสังคม รวมทั้งมักกระทำความรุนแรงซ้ำๆ และก่อให้เกิดอาชญากรรมอีกด้วย

วิธีการการรักษา

การรักษาด้วยยา มีประโยชน์ในการรักษาโรคทางจิตเวชที่เกิดร่วมกับไซโคพาธ
การปรับพฤติกรรม เน้นการพัฒนาสิ่งที่สนใจในแง่ดี และการให้รางวัลเมื่อกระทำพฤติกรรมดี
การลงโทษ มักไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้เนื่องจากอาการด้านชาทางอารมณ์ 

ลักษณะอาการที่แสดงออกต่อสังคม
จิตใจแข็งกระด้าง ขาดความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ขาดความยับยั้งชั่งใจ มีความผิดปกติทางอารมณ์
เอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง
โมโหบ่อย หงุดหงิดง่าย ชอบใช้ความรุนแรง
เมื่อต้องเข้าสังคมมักทําความรุนแรงซ้ำๆ และก่อให้เกิดอาชญากรรม
พฤติกรรมก้าวร้าว ขาดความสำนึกผิด ชอบชั่วดี

เปิดสาเหตุของ โรคไซโคพาธ
ด้านร่างกาย

มีความผิดปกติของสมอง โดยเฉพาะส่วนหน้า-ส่วนอะมิกดะลา
ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง
อุบัติเหตุทางสมอง พันธุกรรม
 

ด้านจิตใจและสังคม

ถูกกระทําทารุณกรรมในวัยเด็ก
ครอบครัวเลี้ยงดูแบบละเลยเพิกเฉย
อาชญากรรม ในครอบครัว
ความแตกแยกในครอบครัว
เติบโตมาในสภาพสังคมรอบตัวที่โหดร้ายทารุญ
การรักษา
การรักษาด้วยยามีประโยชน์ในการรักษาโรคทางจิตเวชที่เกิดร่วมกับไซโคพาธ
ให้ความรักความเอาใจ สอนให้รู้จักถึงสิ่งที่ถูกต้องและสิ่งที่ผิด
ปรับพฤติกรรมเน้นการพัฒนาสิ่งที่สนใจในแง่ดี และการให้รางวัลเมื่อกระทำพฤติกรรมดี
การลงโทษมักไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้เนื่องจากอาการด้านชาทางอารมณ์
จากข้อมูลดังกล่าวหากคุณรู้สึกว่าตัวเองมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคไซโคพาธ หรือ คนรอบของคุณมีพฤติกรรมการแสดงออกคล้ายโรคดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยโรคทำการรักษาก่อนที่คุณอาจจะกลายเป็นฆาตกรตต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว

10 อาชีพ ที่มี Psychopath หรือผู้ป่วยทางจิตแฝงอยู่มากที่สุด

'ไซโคพาธ" หรือ "Psychopath"  หมายถึง ความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ขัดต่อระเบียบของสังคม และไม่ได้มีอยู่แค่ในภาพยนตร์สยองขวัญหรือในนิยายเท่านั้น แต่ยังพบได้ทั่วไปรอบๆ ตัวเราด้วย อ้างอิงจากบรรดานักวิชาการ ระบุว่า มีไซโคพาธหรือมีแนวโน้มที่คล้ายกันอยู่ประมาณ 4% จากประชากรทั้งหมด หากคิดเป็นร้อยละ ประมาณ 25 คน จะมีไซโคพาธ 1 คน

ไซโคพาธ เป็นที่รู้จักกันในด้านการขาดความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นและไม่รู้สึกสำนึกผิด แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เป็นไซโคพาธทุกคนจะกระทำความผิดเหมือนตัวเอกในภาพยนตร์ระทึกขวัญทั้งหมด เพราะพวกเขาสามารถดำรงชีวิตปะปนอยู่ในหมู่ผู้คนได้โดยที่ไม่รู้สัญชาตญาณหรือปกปิดเอาไว้ กล่าวคือ ผู้ที่เป็นไซโคพาธที่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติและไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น มีมากกว่านั่นเอง

Kevin Dutton นักจิตวิทยาของอังกฤษได้เปิดเผย ผลการสำรวจที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับไซโคพาธ ซึ่งเป็นการสำรวจเกี่ยวกับอาชีพที่มีผู้ป่วยทางจิตมากที่สุด อ้างอิงจากการสำรวจดังกล่าวพบว่า อัตราการปรากฏของไซโคพาธในกลุ่มอาชีพเฉพาะทางสูงกว่าค่าเฉลี่ย

10 อาชีพที่มีไซโคพาธมากที่สุด

1. CEO

2. ทนายความ

3. ผู้เกี่ยวข้องกับสื่อ (โทรทัศน์, วิทยุ)

4. พนักงานขาย

5. ศัลยแพทย์

6. สื่อมวลชน

7. เจ้าหน้าที่ตำรวจ

8. บาทหลวง

9. เชฟ

10. ข้าราชการ

10 อาชีพ ที่มี Psychopath หรือผู้ป่วยทางจิตแฝงอยู่มากที่สุด

'โรคไซโคพาธ (Psychopath)' หมายถึงความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ขัดต่อระเบียบของสังคม และไม่ได้มีอยู่แค่ในภาพยนตร์สยองขวัญหรือในนิยายเท่านั้น แต่ยังพบได้ทั่วไปรอบๆ ตัวเราด้วย อ้างอิงจากบรรดานักวิชาการ ระบุว่า มีไซโคพาธหรือมีแนวโน้มที่คล้ายกันอยู่ประมาณ 4% จากประชากรทั้งหมด หากคิดเป็นร้อยละ ประมาณ 25 คน จะมีไซโคพาธ 1 คน

ไซโคพาธเป็นที่รู้จักกันในด้านการขาดความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นและไม่รู้สึกสำนึกผิด แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เป็นไซโคพาธทุกคนจะกระทำความผิดเหมือนตัวเอกในภาพยนตร์ระทึกขวัญทั้งหมด เพราะพวกเขาสามารถดำรงชีวิตปะปนอยู่ในหมู่ผู้คนได้โดยที่ไม่รู้สัญชาตญาณหรือปกปิดเอาไว้ กล่าวคือ ผู้ที่เป็นไซโคพาธที่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติและไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น มีมากกว่านั่นเอง

Kevin Dutton นักจิตวิทยาของอังกฤษได้เปิดเผยผลการสำรวจที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับไซโคพาธ ซึ่งเป็นการสำรวจเกี่ยวกับอาชีพที่มีผู้ป่วยทางจิตมากที่สุด อ้างอิงจากการสำรวจดังกล่าวพบว่า อัตราการปรากฏของไซโคพาธในกลุ่มอาชีพเฉพาะทางสูงกว่าค่าเฉลี่ย

ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า มี ไซโคพาธ อยู่ในหมู่ผู้คนที่มีสถานภาพทางสังคมอยู่ในระดับที่สูงประมาณหนึ่งค่อนข้างมาก ในทางกลับกัน ก็มีอาชีพที่มีไซโคพาธค่อนข้างน้อยด้วยเช่นกัน ดังนี้

1. ผู้ช่วย (เช่น เลขานุการ)

2. พยาบาล

3. นักบำบัดโรค

4. ช่างฝีมือ

5. ช่างเสริมสวย / สไตลิสต์

6. ผู้ทำการกุศล

7. ครู

8. นักออกแบบ

9. นักบัญชี

10. ผู้พิพากษา

อ้างอิงมาจาก ผลสำรวจของ Forbes นิตยสารเศรษฐกิจของอเมริกา เมื่อปี 2010 ระบุว่า มีอาการไซโคพาธตรวจพบอยู่ในระดับบริหารระดับสูง เช่น ผู้บริหาร และผู้จัดการ มากกว่าปกติถึง 3 เท่า เทียบเท่า 3-4% ของผู้นำธุรกิจ

แล้วจะมีวิธีแยกไซโคพาธหรือไม่?

Robert Hare นักอาชญาวิทยา ได้ระบุลักษณะเด่นที่ปรากฏของไซโคพาธเอาไว้ดังนี้

1. มีเสน่ห์

2. เห็นแก่ตัว

3. ไม่มีความรู้สึกผิด

4. ไม่มีจิตใจเมตตากรุณา

5. โกหกเก่ง

ที่จริงแล้ว การค้นหาไซโคพาธด้วยข้อมูลเพียงสั้นๆ จะยังมีข้อจำกัดอยู่ แต่สิ่งที่แน่ใจได้ก็คือ พวกเขามีตัวตนอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งหากเริ่มรู้สึกตัวไปในทางที่เลวร้ายล่ะก็ อาจจะเชื่อมโยงกับการกระทำความผิดได้

ขอขอบคุณที่มา : Dispatch / แปลโดย : http://www.popcornfor2.com / Helloคุณหมอ