1 มิถุนายน 2565 สถานการณ์การแพร่ระบาดของฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง ที่กลับมาปะทุอีกครั้ง เกิดการระบาดในหลายประเทศภาคพื้นยุโรป ซึ่งไม่ใช่โรคประจำถิ่นของพื้นที่ อย่างไรก็ตามยังมีข่าวดีในการผลิตวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงในยุคใหม่ได้แล้ว
ล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ “หมอยง” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” เรื่อง “ฝีดาษวานร วัคซีน 3rd generation” ระบุว่า วัคซีนฝีดาษลิง ใช้สายพันธุ์ Vaccinia มาดัดแปลงพันธุกรรม (Modified Vaccinia Ankara) ผลิตโดย Bavarian Nordic ใช้ชื่อ MVA-BN เป็นไวรัสมีชีวิต ทำให้อ่อนฤทธิ์ ไม่สามารถแบ่งตัวได้
ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง สร้างภูมิต้านทาน ไม่เกิดตุ่มหนอง ประสิทธิภาพ เท่าเทียมกับวัคซีนในอดีต
การฉีดวัคซีนให้ได้ในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ไม่เป็นข้อห้ามเด็ดขาดในสตรีตั้งครรภ์ (ไวรัสไม่สามารถแบ่งตัวได้) ให้ได้ในแม่ที่กำลังให้นมบุตร
ทั้งนี้ ต่างกับวัคซีนใน Generation ที่ 1 และ 2 ที่ใช้ปลูก วัคซีนนี้มีหลัการใช้ดังนี้
หมอยง ระบุอีกว่า ในยุโรป (Imvanex) ในอเมริกา (Jynneos) ซึ่งยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน มาใช้ในประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ หมอยง ได้ให้ความรู้กรณี ฝีดาษวานร 2022 และความยุ่งยากในการควบคุมโรค โดยพบว่าฝีดาษวานรที่ระบาดในปีนี้ ในยุโรปและอเมริกา มีผู้ป่วยร่วม 500 ราย ส่วนใหญ่ เพศชายถึง 98% และอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20 ถึง 50 ปี
ความยุ่งยากในการควบคุมโรค เนื่องจากเหตุผลดังนี้