28 เมษายน 2565 นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ว่า วัยรุ่นนิยมสักบริเวณขอบตาล่างหรือบริเวณใกล้ดวงตา ซึ่งเป็นการสักแบบแฟชั่น หรือความสวยงามนั้น มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของดวงตาและมีโอกาสติดเชื้อได้
ทั้งระหว่าง การสัก หรือ หลังการสัก โดยเฉพาะถ้าการดูแลแผลหลังการสักทำได้ไม่ดีพอ หรือทำความสะอาดไม่ถูกสุขลักษณะ เครื่องมือหรือเข็มที่ใช้สักไม่สะอาดและไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งส่วนใหญ่การติดเชื้อบริเวณที่เป็นแผลมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยมีอาการอักเสบ ปวดบวมแดงร้อนเฉพาะจุด หรือเป็นตุ่มหนอง
นอกจากนี้ยังสามารถพบการติดเชื้อไวรัสได้เช่นเดียวกัน ได้แก่ เริม เชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี และเชื้อไวรัส HIV เป็นต้น จึงควรตัดสินใจด้วยความระมัดระวังก่อนการสักทุกครั้ง เพราะอาจมีอันตรายหรือภาวะแทรกซ้อนจากการสักได้
ด้าน แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสักเป็นการทำให้ผิวหนังเกิดบาดแผลและมีเลือดออก ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมา ทั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อไวรัส
นอกจากนี้อาจพบการแพ้สีที่ใช้สัก มีโอกาสเกิดแผลเป็นนูนคีลอยด์ เกิดก้อนเนื้อที่เรียกว่า แกรนูโลมา ซึ่งเป็นการเกิดปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสีที่ใช้สักซึ่งร่างกายถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่สักจำนวนมากมีการเปลี่ยนใจ หรือเสียใจที่สัก ทำให้ต้องมาลบรอยสักซึ่งใช้ทั้งเวลาในการลบและต้องลบหลายครั้ง ทำให้เสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก จึงควรพิจารณาให้ดีก่อนทำการสัก