
คนที่นี่ไม่โลภ เพราะแม้ลำคลองสายต่างๆจะเต็มไปด้วยทองคำที่ไหลมาตกตะกอนในชั้นดินแต่การพออยู่พอกินตามประสา ก็ทำให้เพียงพอต่อทุกชีวิตที่นี่
พวกเขาเรียนรู้ที่อยู่กับขุมทรัพย์ใต้ดินแห่งนี้ เพื่อที่จะเก็บกินได้ไปชั่วลูกชั่วหลานการเก็บเล็กผสมน้อยของผงทองเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่ในก้นเชลียง หลังจากร่อนเศษหินดินทรายออกไปหมดแล้วบางวันได้มาก บางวันแทบไม่ได้เลยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาให้ต้องดิ้นรนมากมายเหนื่อยนักก็พัก มีแรงก็ทำต่อชีวิตเป็นไปอย่างรู้คิด
การร่อนทอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าขึ้นอยู่กับดวง บางคนนั่งแช่น้ำร่อนทองทั้งวันทองคำที่ได้แค่เศษผงทองที่รอการรวบรวมให้ได้พอขาย
หากเทียบกับคนดวงดีสุดๆ แค่หยิบหินเพียงก้อนเดียวก็พบทองคำเม็ดโตฝัง แลเหลืองอร่าม
ชีวิตจึงมีสิทธิเลือกได้มากขึ้นจะทุบหินให้แตกละเอียด แลกกับทองคำที่ฝังอยู่หรือจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก เป็นมรดกอันล้ำค่าไว้ชื่นชมบางคนก็เลือกนำไปใส่ไว้ใต้ฐานเสาเอกของบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล
อีกนัยหนึ่งต้องบอกว่า ชาวบ้านที่นี่ไม่ตื่นทองแม้บางครั้งคราวจะสั่นไหวไปบ้าง ในยามที่โลกแห่งเทคโนโลยีทันสมัยเริ่มแวะเข้ามาเยี่ยมเยือนจากกลุ่มทุนที่พยายามแทรกกลางสรรหาเครื่องทุ่นแรงคนเพื่อหวังยืมมือกอบโกยทอง
แต่ทว่า ก่อนจะเกิดปัญหาวุ่นวายตามมาชาวบ้านที่นี่ เลยสร้างบรรทัดฐานสร้างสำนึกทำให้ชาวบ้านรวมตัวตั้งกำแพงด้วยฉันทามติของคนส่วนใหญ่โดยการประกาศเป็นกติกาสังคมห้ามใช้เครื่องมือหนักและจักรกลใดๆทุ่นแรงแย่งทองไปจาก เชลียง จอบ เสียม และแรงงานคน
มาตรการนี้ได้ผลดียุติจวบจนปัจจุบันที่ต่อให้ใช้เวลายาวนานทั้งชีวิตเพื่อขุดทอง ไปอีกกี่ชั่วลูก ชั่วหลานณ ปลายด้ามขวานทองผืนนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยทองคำ