
หลังมีปัญหาน้ำทิ้งโรงงานฟอกย้อมข้างเคียงปล่อยรั่วซึมเข้ามาในสวนพุทราจำนวน 7 ไร่ เป็นเหตุให้ผลผลิตเสียหายร่วงหล่นและมียืนต้นตาย แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาตามที่กำหนด ต่อมาจึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมผ่านโดยนายเสรี อติภัทธะ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นตัวแทนรับฟังปัญหาความเดือดร้อนด้วยตนเอง
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อ 14.00 น.วันที่ 6 ต.ค.57 นายเสรี อติภัทธะ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เดินทางนำคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจหาข้อเท็จจริงระหว่างคู่กรณีที่ภายในโรงงานทวีชัยการฟอกย้อม ของนายทวีชัย พงษ์พิทักษ์ และสวนพุทราเ พื่อพิจารณาศึกษาปัญหาดังกล่าวโดยมีน.ส.บุษบา ขาวเจริญ และชาวบ้านละแวกใกล้เคียงประมาณ 20 ราย เฝ้ารอให้การต้อนรับ
ทั้งนี้เบื้องต้นนายเสรี รองอธิบดีกรมโรงงานฯ ได้เข้าสำรวจสภาพโครงสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียโรงงานทั้งบ่อคอนกรีต ที่มีทั้งบ่อดินพักน้ำทิ้ง และการส่งจ่ายน้ำเสียเข้าบำบัด โดยมีนายทวีชัย และเจ้าหน้าที่โรงงานคอยรายงานอย่างละเอียด จากนั้นได้เก็บตัวอย่างน้ำเสียแต่ละจุดและดินเพื่อนำเก็บไปวิเคราะห์หาสารเคมีต่างๆ เพื่อไว้วิเคราะห์เปรียบเทียบต่อไป
"ต่อมาได้พากันเดินทางเข้ายังสวนดังกล่าว ซึ่งพบมีทั้งโซนแปลงปลูกมะขามเทศ และแปลงพุทรา ที่บริเวณตั้งอยู่ติดกำแพงรั้วโรงงาน จากการสำรวจสภาพแวดล้อมและน้ำในร่องสวน และร่องรอยเดิมที่เจ้าของสวนขุดร่องเพื่อให้ดูสีน้ำ จากกนั้นขอให้ชาวบ้านช่วยขุดดินบริเวณหลังสวนข้างกำแพงให้เป็นรูเพื่อให้น้ำซึ่งออกมา ปรากฏว่ารอเวลาไม่เกิน 5 นาทีมีน้ำสีน้ำตาลซึมขึ้นมาก่อนจะตักเก็บตัวอย่างนำไปพิสูจน์หาสารแขวงลอย เพื่อไว้เทียบเคียงกันทั้งสองแห่ง โดยมี น.ส.บุษบา ระบุให้ดูต้นพุทราสภาพแห้งตายและเหี่ยวเฉา สลับผลไม้ร่วงหล่นบางต้น"
รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการสำรวจสภาพพื้นที่ระหว่างคู่กรณีทั้งสองราย เบื้องต้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้มากนัก โดยผลการตรวดน้ำของกรมโรงงานนั้นไม่น่าล่าช้าไม่กี่วันก็รู้ผลแล้ว ขณะเดียวกันจะประสานผลการตรวจดินของทางหน่วยงานจังหวัดสมุทรสาคร (เกษตรจังหวัด) ด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของการลักษณะรั่วซึมตามที่เจ้าทุกข์ระบุ ซึ่งสาเหตุค่อนข้างแน่ชัดเนื่องจากพื้นสภาพสวนและโรงงานสูงต่ำกว่ากันกว่า 1 เมตรอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าสาเหตุมาจากประเด็นนี้ ประกอบกับการขุดหลุมต่อหน้าชาวบ้านเจ้าของโรงงานเพื่อทดสอบ ปรากฏว่ามีน้ำซึมขึ้นมาจริง อย่างไรก็ตามเบื้องต้นจึงขอความร่วมมือเจ้าของโรงงาน ให้นำเครื่องสูบน้ำ (หรือไดโว่) มาช่วยสูบน้ำกลังเข้าโรงงานเพื่อส่งไปบำบัดซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับ อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาให้แก่ชาวสวนในเบื้องต้น
"ส่วนเรื่องจะฟันธงน้ำทิ้งมีปัญหาหรือไม่คงต้องรอดูองค์ประกอบจากผลหารสำรวจน้ำของภาพรวมเพื่อมาวิเคราะห์ตัดสิน ในขณะที่การแก้ไขปรับปรุงในโรงงานมีบางส่วนคงให้ปรับปรุงแก้ไขบ้างเล็กน้อยต่อไป"
ด้าน น.ส.บุษบากล่าวว่า รู้สึกพอใจที่รองอธิบดีลงมาลุยด้วยตัวเอง แต่ผิดรู้สึกหวังกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์เรื่องดังกล่าวนี้ของสมุทรสาคร ซึ่งขณะนี้ผ่านไปกว่า 2 เดือนแล้ว ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ทำให้ครอบครัวไม่รู้จะเดินไปทางไปไหนและพึ่งใคร ทั้งนี้จึงตัดสินใจดิ้นรนเข้าร้องเรียนต่อกรมโรงงานฯดังกล่าว ซึ่งอย่างน้อยก็รับทราบมาการรั่วซึมของน้ำ