สืบเนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ รับเรื่องร้องทุกข์จากสมาชิกสหกรณ์เครือข่ายชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด เมื่อปลายปี 2564
ต่อมารัฐมนตรียุติธรรม สั่งการให้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ดำเนินการสืบสวน สอบสวน จนพบการกระทำความผิดของอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด จึงเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อรับเป็นคดีพิเศษ
ภายหลังจากคณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้กรณีการทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นคดีพิเศษที่ 215/2565 อธิบดี DSI แต่งตั้ง รองอธิบดี DSI พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน โดยมีคณะพนักงานสอบสวนรวม 31 ราย
จากการสืบสวน สอบสวน พบพฤติกรรมของอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ที่เอื้อประโยชน์พวกพ้อง มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ อันเป็นเหตุให้ชุมนุมสหกรณ์ฯ ขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ทำให้ต้องหยุดกิจการชั่วคราว และมีการเลิกจ้างพนักงาน เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ผู้บริหารบางรายผูกขาดในการขนย้ายน้ำมัน บางรายมีการปล่อยสินเชื่อผิดวิสัยของการทำธุรกิจโดยทั่วไป บางรายมีพฤติกรรมไปจัดตั้งบริษัท เพื่อมาซื้อกิจการโรงกลั่นน้ำมันของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ส่อทุจริตตั้งแต่การซื้อที่ดินในการตั้งโรงงานในราคาที่สูงเกินจริง และมีพฤติกรรมเปิดโอกาสให้มีการฮั้วในการสร้างโรงงาน สาขาคลองท่อม น่าเชื่อว่ามีสถาบันการเงินร่วมทุจริตด้วย เนื่องจากมีการปล่อยกู้ 100 เปอร์เซ็นต์
พฤติกรรมทั้งหมดนี้สร้างความเสียหายให้แก่สมาชิกชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด ทั้งสิ้น 16,260 ครอบครัว และสมาชิกสหกรณ์เครือข่ายอีก 34 สหกรณ์ จำนวน 36,872 ครอบครัว
จากพฤติกรรมดังกล่าว เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 DSI จึงได้ดำเนินการขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดกระบี่ เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านพักของอดีตผู้บริหารของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด
ล่าสุด พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ สั่งการให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังจากศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กองปฏิบัติการพิเศษ และกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค DSI เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ นำหมายศาลจังหวัดกระบี่ เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุด ประกอบด้วย
1. บ้านอดีตประธานคณะกรรมการฯ สมคิด พรหมเจริญ เลขที่ 127 ม.3 ต.คีรีวง อ.ปลายพระยา จ.กระบี่
2. บ้านอดีตผู้จัดการใหญ่ ประชิด แสงขวัญ เลขที่ 27 ม.3 ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่
3. บ้านอดีตเลขานุการคณะกรรมการ ชาตบุญ บุญชู เลขาที่ 5/3 ม.4 ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก จ.กระบี่
4. บ้านอดีตรองประธานกรรมการและคณะกรรมการ สุเทพ ทองชัย เลขที่ 90/3 ม.7ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่
5. บ้านอดีตผู้ตรวจสอบกิจการ อุดม เอียดอ่อน เลขที่ 122 ม.3 ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่
6. บ้านอดีตคณะกรรมการ ประยงค์ จินาวงศ์ เลขที่ 157 ม.5 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่
7. บ้านอดีตรองประธานกรรมการ ปกครอง ชูศรี เลขที่ 85/1 ม.2 ต.ดินอุดม อ.ลำทับ จ.กระบี่
8. บ้านอดีตรองประธานกรรมการ ปราโมทย์ ไหมทอง เลขที่ 226/46 ม.2ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่
และจุดที่ 9. บ้านอดีตคณะกรรมการ สมปอง นวลสมศรี เลขที่ 261/1 ม.5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่
ผลการตรวจค้นพบสมุดบันทึก บัญชีรับจ้างขนส่งน้ำมันปาล์ม และบัญชีขนน้ำมันปาล์ม รายการเสนอราคาค่าขนน้ำมันปาล์ม รายงานประจำปีของคณะกรรมการสหกรณ์ในปีที่เกี่ยวข้องกับมูลเหตุคดี เอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ในการสืบสวน สอบสวนหลายรายการ
เจ้าหน้าที่ได้ยึด/อายัด เพื่อนำมาตรวจสอบและจะเร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคล/นิติบุคคล ผู้กระทำความผิด โดยจะมีการขยายผล และเนื่องจากเป็นคดีสำคัญที่กระทบความเสียหายต่อประชาชนและสหกรณ์เป็นวงกว้าง
และในกรณีนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ ระบุว่า ปฏิบัติการตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ DSI เป็นความร่วมมือกันในการแก้ปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ และเป็นกรณีตัวอย่างให้ผู้บริหารสหกรณ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้พึงสังวรว่า สหกรณ์เป็นของสมาชิก ผู้บริหารสหกรณ์ ต้องบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อสมาชิกฯ