กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท มิหนำซ้ำ คนร้ายได้แอบอ้างชื่อเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้สืบสวนในทางลับ จนพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้ซิมโทรศัพท์มือถือที่จดทะเบียนโดยคนต่างด้าว
จากการสืบสวนพบว่ามีร้านค้า 2 ร้าน คือ SIM Net unlimiteds (ซิมเน็ต อัลลิมิเต็ด) อยู่กรุงเทพฯ และAOcomputer (เอโอ คอมพิวเตอร์) อยู่จ.เชียงราย ประกาศขายซิมทุกเครือข่ายทางแอปพลิเคชันดัง สีส้ม และสีฟ้า โดยทั้งสองร้านมีการนำบัตรประชาชนชาวต่างชาติมาลงทะเบียนไว้หลายหมื่นซิม
หลังจากตรวจสอบความเชื่อมโยงและพฤติการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ขออนุมัติหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักอาศัยแห่งหนึ่ง ในเขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ที่นี่พบซิมของกลาง ที่ลงทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน รวมกันกว่าหนึ่งแสนหมายเลข
ซิมที่ลงทะเบียนทุกชิ้น ใช้บัตรประชาชนชาวเมียนมา และกัมพูชา จำนวน 8,500 หมายเลข และลงทะเบียนโดยเจ้าของร้านที่เป็นคนไทย อีก 1,500 หมายเลข รวมซิมยึดเพื่อตรวจสอบทั้งสิ้น 10,000 หมายเลข นอกจากนั้น ได้ยึดคอมพิวเตอร์และ เครื่องโทรศัพท์ดัดแปลงสำหรับใช้ลงทะเบียน อีก 9 เครื่อง
จุดที่สอง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตรวจค้นร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย หน้าร้านเปิดเป็นร้านขายโทรศัพท์และอุปกรณ์มือถือ
จากการตรวจค้น ครั้งนี้ ไม่พบซิมต้องสงสัย เนื่องจากร้านดังกล่าวจะใช้วิธีรับออร์เดอร์มา ลูกค้าต้องสั่งจองล่วงหน้า แต่จากการตรวจค้น พบภาพถ่ายบัตรประจำตัวซึ่งไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทยจำนวนมาก และพบไฟล์สั่งซื้อซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนแล้วอีกหลายรายการ
ซิมที่ตรวจค้นจากทั้ง 2 จุด เป็นซิมของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 3 ค่าย มีกระบวนการนำมาจดทะเบียนเปิดเบอร์โดยไม่ถูกต้อง ที่สำคัญคือขาดการกำกับดูแล เพราะปกติแล้วการเปิดใช้งานซิมมือถือต้องลงทะเบียนด้วยตนเอง ซึ่งซิมที่ผิดกฎหมายสามารถสั่งซื้อได้จากแอปพลิเคลชั่นออนไลน์ คณะกรรมการคดีพิเศษ รับไว้เป็นคดีพิเศษ
ในทางการสอบสวน การสั่งซื้อซิมโทรศัพท์ในลักษณะดังกล่าว อาจจะมีการนำไปใช้ก่อเหตุอาชญากรรม ทั้งการ เปิดเว็บพนัน การหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชน แอปพลิเคชันปล่อยเงินกู้ และบางส่วนอาจจะเกี่ยวกับการฟอกเงินในขบวนการค้ายาเสพติด การก่อการร้าย
ซิมที่ลงทะเบียนแล้ว สามารถนำไปเปิดบัญชีธนาคารผ่านออนไลน์ได้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สันนิษฐานว่าเจ้าของร้านมือถือ อาจจะเป็นคนทำเอง
การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลต่อภัยความมั่นคงของประเทศ รวมถึงระบบเศรษฐกิจ และการก่ออาชญากรรม ซึ่งจะกระทบในหลายส่วน
นี่คือผังเครือข่าย การนำบัตรประจำตัวผู้อื่นมาลงทะเบียนซิม ประกาศขายผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น โดยมี"นายหม่อง" "นายเหม่ง" "นายมิ้ง" เป็นดีเลอร์ (Dealer )นำบัตรประจำตัวผู้อื่นมาลงทะเบียน จากนั้น รวบรวมซิมที่ลงทะเบียนแล้วจาก Dealer หลายหมื่นซิม ประกาศขายผ่าน Lazada / Shopee
สำหรับผู้ประกาศขายชิม ผู้ลงทะเบียน และผู้ใช้ซิม มีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) และ (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม จำหน่ายหรือมีไว้ครอบครอง ใช้หรือมีไว้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม มาตรา 269/1 และมาตรา 269/4 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 7 ปี ปรับ 20,000 - 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ