svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คลิปเด็ด

"โอมิครอน" โควิดกลายพันธุ์เขย่าโลก!!!

06 ธันวาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทั่วโลกกำลังจับตาโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่พบส่งท้ายปี 2021ในชื่อที่เรียกกันว่า "โอมิครอน" ที่องค์การอนามัยโลก WHO จัดเป็นสายพันธุ์โควิดที่ต้องเเฝ้าระวัง ลำดับที่ 5 ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล ต่อจากสายพันธุ์อัลฟา, เบตา, แกมมา และเดลตา

"โอมิครอน" มีจุดกำเนิดที่จังหวัดหนึ่ง ในประเทศแอฟริกาใต้ โดยก่อนหน้านี้จังหวัดดังกล่าว มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้ามาก่อน  และเริ่มจางหายไป จนกระทั่งเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชากรในจังหวัดติดโควิดถึง 3-4 เท่าตัว นักวิทยาศาสตร์จึงมีการถอดรหัสพันธุ์กรรมไวรัสชนิดนี้ จนพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สายพันธุ์เดลต้า แต่กลับกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่

 

และสิ่งที่น่าตกใจไปมากกว่านั้น นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยเจอลักษณะการเปลี่ยนแปลงไวรัสชนิดนี้มาก่อน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญ ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ไวรัสจะเข้าสู่เซลล์

"โอมิครอน" โควิดกลายพันธุ์เขย่าโลก!!! หลายคนสงสัยว่าไวรัสชนิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์มีการวิเคราะห์ทฤษฎีขึ้นมา 2 ทฤษฎี ทั้งการเกิดขึ้นได้จากผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือหลุดจากห้องแลป

 

โดยพบการเปลี่ยนแปลงของตัวหนามถึง 32 ตำแหน่งพร้อมกัน ถือว่ามีจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ โดยหลักการเปลี่ยนแปลงของไวรัสจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เดือนหนึ่งอย่างมาก 2 ตำแหน่งเท่านั้น

"โอมิครอน" โควิดกลายพันธุ์เขย่าโลก!!! คำถามที่ตามมา วัคซีนที่ฉีดให้กับคนไทยอยู่ในขณะนี้จะสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์ไอมิครอนได้หรือไม่ นักไวรัสวิทยา ให้ข้อมูลว่า สายพันธุ์ไอมิครอน กับสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งยังคงเป็นสายพันธุ์หลัก เป็นไวรัสที่แตกต่างกัน การจะฉีดวัคซีนป้องกันก็จะเป็นวัคซีนคนละชนิดกันหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้นักวิทยาศาสตร์จะต้องศึกษาวิจัย ว่าวัคซีนที่ใช้ฉีดอยู่ในปัจจุบันจะต้องมีการผสมรวมกันของ 2 สายพันธุ์นี้หรือไม่อย่างไร ซึ่งถือว่ายังเป็นเรื่องใหม่

"โอมิครอน" โควิดกลายพันธุ์เขย่าโลก!!! เบื้องต้นไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ยังคงหลบภูมิได้ดี  ถึงแม้ประชากรส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่มีโอกาสติดเชื้อสายพันธุ์ไอมิครอนได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า 
เนื่องจากสายพันธุ์เดลต้า ไม่สามารถข้ามกำแพงภูมิคุ้มกันมาได้ เพราะมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว

 

แต่สายพันธุ์ไอมิครอน หนีภูมิคุ้มกันได้ เพราะไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าสายพันธุ์โอมิครอน นำสายพันธุ์เดลต้าได้ แต่สายพันธุ์เดลต้าอาจจะรุนแรงกว่า

"โอมิครอน" โควิดกลายพันธุ์เขย่าโลก!!! ทีมวิจัยสวทช. กำลังเร่งทำการศึกษาการกลายพันธุ์ของโอมิครอน โดยการสร้างไวรัสจำลองขึ้นมา เพื่อทำการทดลองกับวัคซีนที่ใช้อยู่ในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีการตรวจพบไวรัสชนิดนี้ จึงต้องทำการตรวจสอบหาพันธุกรรมว่าไวรัสมีความรุนแรงเพียงใด สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีแค่ไหน โดยระยะนี้การป้องกันตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด19

 

โอมิครอน จะเป็นจุดเสี่ยงใหม่ที่จะเกิดการระบาดครั้งใหญ่อีกระลอกหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องจับตาหลังจากนี้ โดยเฉพาะผู้ผลิตวัคซีนหลายค่ายออกมาเคลื่อนไหว  ล่าสุด สเตฟาน บันเซล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของ Moderna มองว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์นี้จะไม่เท่ากับ สายพันธุ์เดลตา 


และคิดว่าประสิทธิภาพจะลดลง  ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน จึงจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้อย่างเพียงพอ 

 

ขณะที่โฆษกของแอสตราเซเนกา บอกว่าขณะนี้ บริษัทกำลังทำการวิจัยในประเทศบอตสวานา เพื่อรวบรวมข้อมูลไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากโลกจริงไปเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพวัคซีนของบริษัท อีกทั้ง ยังได้นำยาแอนติบอดีชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ มาทดสอบใช้กับสายพันธุ์โอไมครอนอีกด้วย  

 

ด้านบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค เปิดเผยว่ากำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบประสิทธิภาพวัคซีนกับสายพันธุ์โอไมครอน คาดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

 

ส่วนบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ด้านโฆษกยืนยันว่า กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนกับสายพันธุ์โอไมครอนเช่นกัน

 

จะเห็นได้ว่าคนที่รับวัคซีนครบแล้ว ก็สามารถติดเชื้อโอมิครอนได้ง่ายกว่าปกติ 

 

คำถามต่อมาคือติดเชื้อแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ จะหายป่วยไวหรือไม่ ถ้าหายป่วยไวก็เป็นสิ่งที่ไม่ต้องกังวลมาก แต่บางคนติดเชื้อแล้วอาการหนัก ก็จะต้องเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์จะต้องศึกษาต่อไป กับอีกหนึ่งประเด็นที่รัฐบาลควรจะทบทวน คือเรื่องการเปิด-ปิดประเทศ รวมถึง การเพิ่มมาตรการการกักตัว เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน

logoline