svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

อบซาวน่ามีประโยชน์อย่างไร ใช้ความร้อนแค่ไหน และใครบ้างควรหลีกเลี่ยง

เจาะลึกเรื่องราวของ “การอบซาวน่า” ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร อันตรายหรือไม่ พร้อมข้อควรระวัง และคนที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง

มีข่าวให้หลายคนเกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้บริการอบซาวน่า จากกรณีที่หญิงอายุ 68 ปี เสียชีวิตภายในห้องอบซาวน่าของฟิตเนสชื่อดังใน จ.นนทบุรี มาดูกันว่าเรื่องราวของ “การอบซาวน่า” ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร อันตรายหรือไม่ พร้อมข้อควรระวัง และคนที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง

 

การอบซาวน่า มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฟินแลนด์ และมีมานานกว่าหลายร้อยปีในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย มีการทำเป็นที่อบตัวด้วยไอร้อนจากการเผาหินเพื่อเป็นกระจายความร้อน ช่วยในเรื่องของกความผ่อนคลายจากความเครียด และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย

ห้องซาวน่าโดยทั่วไปจะทำจากไม้ และมีอุณหภูมิประมาณ 65-90 องศาเซลเซียส โดยแหล่งกำเนิดความร้อนมีหลายรูปแบบ ทั้งการเผาท่อนไม้ ใช้เครื่องทำความร้อนด้วยไฟฟ้า รวมถึงการใช้รังสีอินฟราเรด เพื่อทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีต่อครั้งเท่านั้น เพราะหากนานเกินไปอาจเป็นอันตรายได้

การอบซาวน่า มีประโยชน์อย่างไร

ในอดีตซาวน่าได้รับความนิยมเพราะเป็นสถานที่พบปะพูดคุยของคนในสังคม แต่ปัจจุบันจากการค้นคว้าเกี่ยวกับประโยชน์ของการอบซาวน่าต่อสุขภาพในด้านต่างๆ ดัวนี้

ประโยชน์ของการอบซาวน่า ที่คนในปัจจุบันคาดหวังมากที่สุดคือ การอบซาวน่าช่วยในเรื่องของการ “ลดน้ำหนัก” เพราะการขับเหงื่อออกมาปริมาณมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะน้ำหนักตัวที่หายไปหลังจากการซาวน่านั้นคือ “น้ำหนักของน้ำในร่างกายที่ถูกขับออกมาในรูปแบบเหงื่อ” เมื่อดื่มน้ำเข้าไปน้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเดิม แต่จะช่วยใจเรื่องการไหลเวียนของเลือดมากกว่า

การอบซาวน่าช่วยคลายเครียด คืออีกเหตุผลที่ทำให้คนไปซาวน่า เพราะเมื่ออุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น หลอดเลือดก็จะขยายตัวทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากขึ้น จึงทำให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายจากความเครียด และมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสามารถลดระดับฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลได้ ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าและใช้ซาวน่าเป็นประจำ อาจสังเกตเห็นว่ามีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ความร้อนจากซาวน่าช่วยปล่อยสารที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor (BDNF) ซึ่งช่วยในการรักษากล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ความร้อนยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อซึ่งช่วยในการฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น

บรรเทาอาการปวดข้อและเพิ่มการเคลื่อนไหว ในผู้ป่วยโรครูมาตอยด์และโรคข้ออักเสบชนิด Ankylosing Spondylitis การอบซาวน่ามีส่วนช่วยให้อาการปวดลดลงและการเคลื่อนไหวดีขึ้น สำหรับผู้ป่วยโรคไฟโบรมัยอัลเจีย และปวดหลังส่วนล่าง ก็มีอาการปวดเรื้อรังลดลง นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการปวดยังรายงานว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้นหลังจากใช้ซาวน่า แม้ว่าคุณจะไม่ได้มีอาการปวดเรื้อรัง การใช้ซาวน่าก็อาจช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยและความเหนื่อยล้าทั่วไปได้

ดีกับหัวใจ และดีต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจ มีงานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าการอบซาวน่าเป็นประจำสามารถช่วยบำรุงหัวใจและระบบหลอดเลือดได้ เนื่องจากซาวน่าส่งผลต่อเซลล์ หลอดเลือดแดง และระบบประสาท ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพหัวใจ โดยการศึกษาในผู้ชายชาวฟินแลนด์ พบว่าผู้ที่ใช้ซาวน่ามีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหัวใจลดลงถึง 63% โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ซาวน่าบ่อยครั้ง ครั้งละมากกว่า 20 นาที อย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์

ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างที่ประเทศฟินแลนด์ พบว่าคนไปซาวน่าเป็นประจำจะมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองลดลง เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยได้ไปอบซาวน่า

ลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิต แม้ว่าการอบซาวน่าจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตในระยะสั้นคล้ายกับตอนออกกำลังกาย แต่งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการอบซาวน่ามีประโยชน์ในระยะยาวต่อการลดความดันโลหิต โดยสามารถช่วยลดความดันโลหิตในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูงในอนาคตสำหรับผู้ที่ยังไม่มีภาวะนี้

ลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ การใช้ซาวน่าเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ได้ การศึกษาหนึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ชายที่ใช้ซาวน่า 4-7 ครั้งต่อสัปดาห์มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ลดลงมากกว่าครึ่ง

ดีต่อการหายใจสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด และ COPD การอบซาวน่าช่วยปรับปรุงการทำงานของปอดและการหายใจ ในผู้ป่วยโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) มีรายงานว่าพวกเขารู้สึกหายใจได้ดีขึ้นหลังจากใช้ซาวน่า และการศึกษาแสดงให้เห็นว่าปอดทำงานได้ดีขึ้นหลังจากการใช้ซาวน่า แม้ว่าการปรับปรุงจะเล็กน้อย แต่ความรู้สึกที่ดีขึ้นของพวกเขานั้นเป็นที่น่าสังเกต

ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น การเพิ่มอุณหภูมิร่างกายหลังจากอยู่ในซาวน่า ช่วยฟื้นฟูจังหวะ Circadian Rhythm ตามธรรมชาติ ทำให้หลายคนรู้สึกว่านอนหลับได้ดีขึ้นในคืนที่ทำซาวน่า

 

อันตรายและความเสี่ยงของการอบซาวน่า

  1. เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ การอยู่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ และหากอยู่นานเกินไปก็อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
  2. อาจทำให้โรคบางชนิดรุนแรงขึ้น การอบซาวน่าหรือการอาบน้ำร้อน จะทำให้อาการของโรคบางชนิดมีความรุนแรงมากขึ้น  อาทิ โรคโรซาเซีย ซึ่งเป็นโรคที่เกิดการอักเสบบนผิวหนังและบริเวณดวงตา
  3. ทำให้เซลล์สืบพันธุ์เพศชายมีจำนวนลดลง เรื่องนี้แม้จะยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด แต่การอบซาวน่าอาจมีผลต่อการทำงานของอัณฑะได้ เนื่องจากอุณหภูมิมีผลกับการผลิตเซลล์สืบพันธุ์ของอัณฑะ การใช้เวลาอบซาวน่านานเกินไปจึงอาจทำให้อัณฑะผลิตอสุจิได้น้อยลง

 

ใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงการอบซาวน่า?

คนส่วนใหญ่สามารถใช้ซาวน่าได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ในบางคนอาจมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น โรคกลัวที่แคบ ไม่ทนต่อความร้อน แต่อาการเหล่านี้อาจดีขึ้นเมื่อได้ซาวน่าบ่อยครั้งขึ้น อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามและเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ซาวน่าอย่างชัดเจน ดังนี้

  • ผู้ที่เพิ่งมีอาการหัวใจวาย หรือเพิ่งเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
  • ผู้ที่มีโรคหัวใจที่ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก (โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ)
  • ผู้ที่มีภาวะลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบรุนแรง (ลิ้นหัวใจใหญ่ตีบ)
  • ผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง หรือควบคุมไม่ได้
  • ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่า (Orthostatic hypotension)
  • เด็ก

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนเผยว่าผู้สูงอายุที่มีความดันโลหิตต่ำ และผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่แล้ว หรือเพิ่งผ่านการรักษาควรหลีกเลี่ยงการอบซาวน่า

 

ข้อควรระวังของการอบซาวน่า

  • ระมัดระวังไม่ปรับอุณหภูมิของห้องซาวน่าสูงจนเกินไป ให้อยู่ในระดับที่ร้อน แต่พอทนไหว
  • สำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบ โรคลมชัก โรคหัวใจ ผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด หรือผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนไปซาวน่า
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังซาวน่า
  • ไม่ซาวน่านานเกินไป ควรอบตัว 15-20 นาทีก็เพียงพอแล้ว
  • สามารถใช้เวลาในห้องซาวน่าได้ตั้งแต่ 5-20 นาที แต่หากรู้สึกหน้ามืด ตาลาย จะเป็นลม ควรรีบออกมาก่อน
  • หากรู้สึกไม่สบายตัวหรือมีอาการผิดปกติในระหว่างที่อบตัว ให้รีบออกมาจากห้องซาวน่าทันที
  • ควรจิบน้ำ 2-3 แก้วหลังเสร็จจากการอบซาวน่า เพื่อทดแทนเหงื่อที่เสียไป และป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • ไม่ควรอาบน้ำเย็นทันที แต่ควรปล่อยให้ร่างกายเย็นลงสักระยะหนึ่งก่อน