
เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร Work-Life Balance จึงสำคัญ การมีชีวิตที่สมดุลจะนำมาซึ่งความสุข ส่งผลให้เกิดความสำเร็จทั้งหน้าที่การงาน การดูแลครอบครัว การมีสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตที่ดี เมื่อชีวิตดี การงานมีประสิทธิภาพ องค์กรก็มีโอกาสประสบความสำเร็จ และมีพนักงานที่มีคุณภาพช่วยสร้างศักยภาพให้กับองค์กรได้ในระยะยาว
ทว่า ประเทศไทยยังไม่เข้าใกล้ Work-Life Balance ที่ดี
ปี 2021 ผลสำรวจของ Kisi บริษัทเทคโนโลยีให้คำปรึกษาด้านการทำงาน หัวข้อ “Cities with the Best Work-Life Balance 2021” ค้นหาว่าเมืองที่มีการทำงานที่สมดุลที่สุด และ "Cities with the Overworked 2021” หรือเมืองที่มีประชากรที่มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและชีวิตไลฟ์สไตล์ขาดความสมดุลมากที่สุด พบว่า กรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยติดอันดับ 3 ดีกว่าจีน และสิงค์โปร์เพียงนิดเดียว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าวิตกของวัยทำงานชาวกรุง
ในขณะที่ปี 2022 กรุงเทพฯ รั้งอันดับที่ 96 จากผลสำรวจ 100 เมืองทั่วโลกในดัชนี Work-Life Balance 2022 และล่าสุดในปี 2024 รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยตัวเลขคนกรุงเทพฯ 70% มีภาวะเครียด!! เพราะไลฟ์สไตล์คนกรุงมีชีวิตที่เร่งรีบจากการทำงานจนบางครั้งผู้คนเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนโยบายการตรวจสุขภาพ 1 ล้านคน (ที่ขณะนี้ตรวจไปแล้วกว่า 1 แสนคน) พบว่ากว่า 70% มีภาวะเครียด
8:8:8
ย้อนในปี ค.ศ.1810 โรเบิร์ต โอเวน (Robert Owen) นักเศรษฐศาสตร์และนักปฏิรูปทางสังคมชาวอังกฤษ ได้ตั้งสโลแกนในการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพไว้ว่า “Eight hours labour, Eight hours recreation, Eight hours rest – ทำงาน 8 ชั่วโมง, สันทนาการ 8 ชั่วโมง, พักผ่อน 8 ชั่วโมง” ซึ่งมันกลายมาเป็นมาตรฐานของการสร้างสมดุลให้กับชีวิตตลอดจนการแบ่งเวลาในการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน
ผลการจัดอันดับของบริษัทโพล โดยแกลลัพ (Gallup) ร่วมกับองค์การสหประชาชาติ และมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดอีก ปี 2024 เผย “ฟินแลนด์” ยังครองแชมป์ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน ขณะที่ประเทศไทยขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 58 จาก 60 ในปีที่แล้ว
ปัจจัยที่ทำให้พลเมืองฟินแลนด์มีความสุขนั้นมีหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบสวัสดิการสังคมที่ครอบคลุม เช่น เรียนฟรีจนจบมหาวิทยาลัย นโนบายช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสุขภาพจิต รัฐบาลมีความเป็นประชาธิปไตยสูง-บริหารงานโปร่งใส-คอร์รัปชันต่ำ พลเมืองมีเสรีภาพการใช้ชีวิตและความไว้วางใจในสังคม เข้าถึงธรรมชาติได้ตามกฎหมายที่เรียกว่า ‘Everyman’s Right’ โดยจะอนุญาตให้คนฟินแลนด์ใช้พื้นที่ป่า ทะเลสาบ และชายทะเลเกือบทุกแห่ง รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ส่งเสริมสิทธิสตรี และเป็นประเทศที่อาชญากรรมต่ำ นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ฟินแลนด์โลกนาน นั่นคือ Work-Life Balance
รัฐให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance ของพลเมือง
ชีวิตการทำงานของชาวฟินแลนด์มีกฎเกณฑ์มากมายที่ลูกจ้างและนายจ้างต้องปฏิบัติตาม โดยกฎหมายและข้อตกลงร่วมครอบคลุมข้อกำหนดสำหรับชั่วโมงทำงาน เพื่อให้ผู้คนมีเวลาสำหรับงานอดิเรกและกิจกรรมยามว่างหลังเลิกงาน มีชั่วโมงการทำงานที่เป็นมิตรกับพนักงาน โดยต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ การลาป่วย วันหยุด การเลิกจ้าง และเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งนั่นทำให้การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวและการทำงานในฟินแลนด์นั้นง่ายกว่าในหลายประเทศ
วัฒนธรรมการทำงานของฟินแลนด์
ทั้งหมดล้วนเป็นเหตุผลที่คนฟินแลนด์มีความสุข จนส่งเสริมให้ประเทศนี้กลายเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน