svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

แพทย์เตือน PM 2.5 กระตุ้นเลือดกำเดา ขณะที่เชียงใหม่ค่าฝุ่นยังพุ่ง 7 วันรวด!

19 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เตือนค่าฝุ่น PM 2.5 สูง กระตุ้นทำให้เลือดกำเดาไหลออกได้ง่ายขึ้น ชี้เดือน ก.พ.-มี.ค. พบผู้ป่วยเลือดไหลไม่ทราบสาเหตุเพิ่มขึ้น 2 เท่า ขณะที่ชาวเชียงใหม่ยังคงต้องสูดฝุ่นพิษลงปอดต่อเนื่อง 7 วันรวด

ค่าฝุ่น PM 2.5 เชียงใหม่ วันนี้เกินเกณฑ์มาตรฐานเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งหากย้อนดูรายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ของศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รอบ 7 วัน ตั้งแต่ 13 มี.ค.-19 มี.ค.2567 พบว่า เชียงใหม่และพื้นที่อีกหลายจังหวัดในภาคเหนือ มีปริมาณ PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน กระทบกับสุขภาพประชาชนเป็นวงกว้าง

ไม่เพียงเท่านั้น คนเชียงใหม่ยังต้องจมอยู่กับฝุ่นพิษ PM2.5 ต่อไปอีกแต่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยกรมควบคุมมลพิษ ระบุผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 20-26  มีนาคม 2567 เผย 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มลดลงวันที่ 20-26 มีนาคม 2567 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่

 

เตือนค่าฝุ่น PM 2.5 สูง กระตุ้นทำให้เลือดกำเดาไหลออกได้ง่ายขึ้น 

จากข้อมูลการรักษาพยาบาลด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยที่เลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ เพิ่มขึ้นสองเท่าในผู้ป่วยปกติ และพบว่าผู้ป่วยที่มีโรคร่วมจะมีอาการหนักกว่าคนอื่นๆ ซึ่งน่าเป็นห่วง

รศ.พญ.กรรณิการ์ รุ่งโรจน์วัฒนศิริ หัวหน้าภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยว่า ปกติแล้วบริเวณเยื่อบุในจมูกคนเราจะมีเลือดมาเลี้ยงเยอะอยู่แล้ว หากสูดเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไป จะทำให้เกิดการอักเสบบริเวณเยื่อบุในช่องจมูกและไปกระตุ้นทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีโอกาสเลือดกำเดาไหลง่ายกว่าผู้ใหญ่ บางคนเป็นมาก ไม่สามารถห้ามเลือดได้ ก็ต้องใส่วัสดุห้ามเลือดเข้าไปในช่องจมูก เพื่อช่วยให้เลือดหยุดไหล

ทั้งนี้ ขอเตือนว่านอกจากเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 4 ขวบแล้ว หรือกลุ่มผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจแล้ว กลุ่มคนท้อง หรือตั้งครรภ์ มีอันตรายเช่นกัน เพราะหากสูดดมฝุ่นเข้าไปมากๆ มีโอกาสที่ทารกในครรภ์จะได้รับผลกระทบ

 

มีนาคมจุดพีคคนป่วยเข้ารักษาเพิ่มเท่าตัว 

ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และทรวงอก โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวว่า  ฝุ่น PM2.5 มีปัญหามาตั้งแต่เดือน พ.ย. เรื่อยมา จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงพีคในเดือน มี.ค. โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ 2 พุ่งสูงมาก มีผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเกี่ยวกับ PM 2.5 อาการปานกลาง เข้ารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอก เช่น ภูมิแพ้กำเริบ เลือดกำเดาไหล เป็นเลือด หลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูกโตขึ้น หอบหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเพิ่มขึ้น

“มีผู้ป่วยมารับบริการตรวจรักษาทุกวัน เมื่อเทียบกับฤดูที่หมดฝุ่นไปแล้วจะมีมากกว่าหลายเท่าตัวต่อวัน ส่วนผู้ป่วยหนักที่ต้องนอนไอซียู หรือมาที่ห้องฉุกเฉิน ใส่เครื่องช่วยหายใจ เช่น สโตรก ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันมากขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกัน ส่วนผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาล อยู่ไอซียู แต่ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ พบเพิ่มขึ้นด้วยอาการปอดอักเสบ หอบหืดกำเริบ ไอเป็นเลือด ติดเชื้อในปอด และผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะเสียชีวิตก่อนมาถึงไอซียูด้วยซ้ำ” ศ.นพ.ชายชาญ กล่าว   

 

PM 2.5 ทำคนเชียงใหม่ตายเพิ่ม 1.6 %

เมื่อนำข้อมูลมาศึกษาวิเคราะห์ แยกให้ชัดเจนหรือตัดปัจจัยอื่นๆ ที่อาจจะทำให้เกิดการเจ็บป่วยในลักษณะเดียวกัน เพื่อแสดงว่าผู้ป่วยรายนั้นเจ็บป่วยจากอย่างอื่น หรือ PM 2.5 โดยมีการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติแล้ว พบชัดเจนว่า

ทุก ๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ของ PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง จะทำให้คนเชียงใหม่เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1.6 % ภายใน 1 สัปดาห์หลัง PM 2.5 เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าไม่ได้เป็นการเสียชีวิตทันที เพราะอาจจะได้รับการรักษาด้วยยาต่างๆ

แต่เมื่อการอักเสบไปถึงจุดหนึ่ง จะทำให้เขาเสียชีวิตจากสโตรก เส้นเลือดสมองแตก หรือตีบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ปอดอักเสบ โรคปอดกำเริบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตตามมา นี่คือข้อมูลข้อเท็จจริงที่ไม่ได้แตกต่างไปจากงานวิจัยของทั่วโลก

ผู้ป่วยมาห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นชัดเจนจากพิษภัยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของทุกปี มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่ปัญหา PM 2.5 แต่ปีที่ผ่านมาและปีนี้ถือเป็นปีที่แล้ง โดยเฉพาะเดือน มี.ค.ชัดเจนมาก มีจุดเผาในเชียงใหม่สูงขึ้นกว่า มี.ค. 2566 กว่า 40% ส่วน ม.ค.-ก.พ. ที่รัฐบาลบอกว่าจุดเผาลดลง 40% นั้น ก็เป็นเพียงข้อมูลของ 2 เดือนนั้น แต่ มี.ค.นี้จุดเผาเพิ่มขึ้น 40% ยังไม่นับรวมจุดเผาจากจังหวัดรายรอบ และประเทศเพื่อนบ้าน

ศ.นพ.ชายชาญ กล่าวด้วยว่า PM2.5 เป็นฆาตรกรที่ฆ่าได้หลายรูปแบบ ฆ่าด้วยโรคหลายโรค ทำให้ภูมิแพ้กำเริบ หอบหืดกำเริบ ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ แตก ตัน เป็นสโตรกเสียชีวิต หรือป่วยคาไอซียูได้ PM2.5 ทำให้เส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบ แตก ตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว เสียชีวิต ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เนื้อปอดอักเสบ ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดอย่างรุนแรง แล้วทำให้โลหิตเป็นพิษ เสียชีวิตได้ แล้ว PM 2.5 ยังทำให้ไตเสื่อมเพิ่มมากขึ้น ทำให้เบาหวานควบคุมได้ยาก ระยะยาวทำให้เกิดมะเร็งปอดแม้แต่คนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้

 

 

logoline