อากาศที่ร้อนอบอ้าวของอุณหภูมิวันนี้ ทำประเทศไทยร้อนถึงร้อนจัดและทะลุ 41 องศาเซลเซียสในบางที่ ด้วยแสงแดดจ้าและความร้อนกลายเป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ และอาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังอื่นๆ เช่น ผดผื่นคัน ลมพิษ โรคมะเร็งผิวหนัง แต่ที่หลายคนกังวลคือเรื่อง “กลิ่นตัว” ซึ่งแม้จะไม่เป็นอันตราย แต่ก็บั่นทอนความมั่นใจ เสียบุคลิกภาพในการเข้าสังคม มาดูกันกลไกของการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์เป็นมาอย่างไร และแก้ไขได้หรือไม่
ในช่วงหน้าร้อน ที่กลิ่นตัวเหม็นเกิดจากกลิ่นของสารเคมีชื่อ Trim ethylamine ซึ่งขจัดออกมาจากเหงื่อ ปัสสาวะและน้ำคัดหลั่งของร่างกาย ในหน้าร้อนคนเราจะมีเหงื่อออกตามร่างกายจำนวนมาก ทำให้แบคทีเรียเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้บริเวณที่เหงื่อไม่สามารถระเหยได้สะดวก เช่น ซอกรักแร้ ซึ่งมีต่อมเหงื่ออะโปครายน์ (Apocrine) ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นตัวโดยตรง ขณะที่บางรายมีเหงื่อออกไม่มาก แม้จะอาบน้ำทำความสะอาดแล้ว กลิ่นตัวก็ยังฉุนอยู่ อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ความเครียด ความกลัว ความโกรธ ก็เป็นได้เช่นกัน
“เหงื่อ” อาจจะไม่ใช่ตัวการร้ายของเรื่องกลิ่นตัวเป็นเพียงปัจจัยเสริม จะสังเกตได้ว่าคนที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆ บางคนมีกลิ่นตัว บางคนไม่มี ในขณะที่บางคนไม่มีเหงื่อแต่มีกลิ่นตัวแรงมากก็มี แสดงว่าสาเหตุการเกิดกลิ่นตัวไม่ใช่เรื่องของเหงื่อ แต่มีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
สาเหตุภายนอก คือปัจจัยความร้อนกระตุ้นเชื้อแบคทีเรีย หรือการเป็นเชื้อราที่ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมกลิ่น
สาเหตุภายในร่างกาย คือมีการขับสารบางอย่างออกมาจากต่อมกลิ่นและต่อมเหงื่อ เช่น ความเครียด การมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน การกินอาหารที่มีกลิ่นแรงหรืออาหารที่มีรสเผ็ดพวกเครื่องเทศ กระเทียม การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยารักษาภาวะซึมเศร้า ภาวะร่างกายหลั่งเหงื่อมากผิดปกติ หรือภาวะสุขภาพบางอย่างก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นตัวที่แตกต่างกันออกไปได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคตับหรือโรคไต เป็นต้น
โดยทั่วไปกลิ่นเกิดขึ้นจากแบคทีเรียประจำถิ่น ซึ่งอาจมีสิ่งแวดล้อมเป็นตัวการทำให้เหงื่อออก ถ้าปัจจัยข้อนี้ไม่เปลี่ยนแปลง โอกาสที่จะหายก็คงยาก แต่ก็สามารถที่จะควบคุมได้ เช่น ในเรื่องของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่น หากใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ควบคุมเชื้อแบคทีเรียในการระงับก็สามารถช่วยให้เห็นผลที่ดีได้ แต่หากกลิ่นตัวแรงแก้ไม่หาย ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะกลิ่นตัวเหล่านั้นอาจเป็นสัญญาณบอกถึงความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งสังเกตได้ดังนี้
กลิ่นตัวคล้ายกลิ่นละมุด เราอาจคิดว่ากลิ่นตัวคล้ายกลิ่นละมุด เป็นกลิ่นหลังจากที่ดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอลล์เข้าไป แต่หากไม่ได้ดื่มแต่เกิดกลิ่นตัวคล้ายละมุดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะร่างกายของคุณอาจกำลังมีปัญหาในส่วนของระบบขับถ่าย ที่ทำให้คุณกลายเป็นผู้ป่วยโรคตับ หรือกลายเป็นผู้ป่วยโรคไตได้
กลิ่นตัวคล้ายไข่เน่า นับเป็นกลิ่นที่มีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก หากคุณมีกลิ่นตัวคล้ายไข่เน่าก็เป็นหนึ่งสิ่งที่แสดงว่าระบบลำไส้ของคุณกำลังมีปัญหา
กลิ่นตัวคล้ายกลิ่นคาวปลา เป็นกลิ่นตัวที่กำลังบ่งบอกว่าร่างกายของคุณกำลังโดนแบคทีเรียจากภายนอกโจมตีอย่างหนัก ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้ก็มักมาจากอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป อาทิเช่น อาหารหมักดอง เป็นต้น
กลิ่นตัวคล้ายกลิ่นเหม็นเขียวขมคอ เป็นอีกแนวกลิ่นที่แสดงถึงปัญหาของตับ
กลิ่นตัวคล้ายกลิ่นผลไม้ เป็นกลิ่นที่นับว่ามีความหวาน แต่เป็นกลิ่นที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นกลิ่นที่บ่งบอกว่าร่างกายของคุณกำลังประสบกับปัญหาของโรคเบาหวาน