svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

บทสรุป "กินปุ๊บออกปั๊บ" แปลว่าสุขภาพดีหรือมีอะไรผิดปกติ?

กินปุ๊บออกปั๊บ นับว่าผิดปกติหรือไม่ ต่อไส้ตรงมีจริงไหม แล้วเพราะเหตุใดหลายคนจึงขับถ่ายทันทีหลังกินอาหาร มาหาคำตอบของเรื่องเหล่านี้ไปพร้อมกัน

การขับถ่ายทุกวันโดยเฉพาะในช่วงตอนเช้าเป็นสิ่งดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีคำถามที่กังวลใจสำหรับผู้ที่ขับถ่ายทันทีหลังรับประทานอาหารในทุกมื้อว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่ มีข้อสมมุติฐานมากมาย เช่น การเกิดโรคลำไส้แปรปรวน การที่มีลำไส้ที่สั้นกว่าปกติ  แต่ในความเป็นจริงแล้วขับถ่ายทันทีหลังรับประทานอาหารสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติและแบบผิดปกติ

บทสรุป "กินปุ๊บออกปั๊บ" แปลว่าสุขภาพดีหรือมีอะไรผิดปกติ?

  • "กินปุ๊บออกปั๊บ" ในมุมมองทางการแพทย์

การกินอาหารปุ๊บแล้วมีการขับถ่ายออกทันทีมีสาเหตุที่สามารถอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้จากสภาวะทางการแพทย์ที่เรียกว่า Gastrocolic Reflex เป็นหนึ่งในปฏิกิริยาตอบสนองของลำไส้และกระเพาะอาหาร โดยหากร่างกายและระบบย่อยอาหารของเรานั้นจะเปรียบเสมือนท่อน้ำ เมื่อมีน้ำไหลเข้ามาก็จะต้องมีน้ำไหลออกไปตามความเข้าปกติ

เมื่ออาหารที่เรากินผ่านจากปากลงสู่ลำคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และทวารหนักในที่สุด หลายคนคิดภาพอาหารใหม่ที่เรากินเข้าไปก็จะไปดันอาหารเก่าที่อยู่ในระบบย่อยอาหาร แล้วทำให้เรารู้สึกได้ถึงมวลก้อนอุจจาระที่อยากออกมาทางทวารหนัก หรือเกิดอาการกินปุ๊บถ่ายปั๊บขึ้น โดยอาการนี้มักเกิดขึ้นในช่วงของมื้อกลางวันมากกว่าช่วงมื้อเย็น

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ขับถ่ายทันทีรับประทานอาหารมีทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายใน เช่น ดื่มน้ำเยอะ กินผัก ผลไม้เป็นจำนวนมาก หรือบางคนไวต่ออาหารบางชนิด เช่น อาหารรสเผ็ด น้ำส้มสายชู และกาแฟ เป็นต้น การออกกำลังกาย ท้องเสียจากระบบทางเดินอาหารติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย โรคลำไส้แปรปรวน ความเครียด หรือในผู้หญิงที่ใกล้มีประจำเดือน

  • ต่อไส้ตรงมีจริงไหม?       

ข้อสงสัยแรกที่ว่าต่อไส้ตรงมีจริงเหรอ คำตอบก็คือ ไม่มีจริง เพราะลำไส้ของคนปกติทุกคนนั้นจะมีขนาดที่เป็นมาตรฐานใกล้เคียงกัน ซึ่งก็มีความยาวของลำไส้ใหญ่อยู่ที่ประมาณ 1 เมตร ส่วนลำไส้เล็กก็มีความยาวอยู่ที่ประมาณ 6 เมตร การที่บอกว่าคนเรามีลำไส้ที่เป็นแบบลำไส้ลักษณะตรงเลยจึงไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงวลีเปรียบเปรยคนที่กินปุ๊บออกปั๊บเท่านั้น

บทสรุป "กินปุ๊บออกปั๊บ" แปลว่าสุขภาพดีหรือมีอะไรผิดปกติ?

กินปุ๊บออกปั๊บแบบไหนผิดปกติ ควรไปพบแพทย์!!

1.กินแล้ว “ถ่ายเหลว” ทันที

2.กินแล้วถ่ายทันที พร้อมกับ “อาการอ่อนเพลีย”

3.เกิดอาการ “ปวดท้องบิด”​ ร่วมด้วย

4.เกิดอาการถ่ายพร้อม “มีเลือด”

5.ถ่ายแล้วมี “อุจจาระสีดำ” เรียวเล็กคล้ายดินสอ

6.เป็นบ่อยๆ และมีอาการ “น้ำหนักลด” ร่วมด้วย

7.มีอาการ “แสบท้องอย่างหนัก” ในทุกครั้งที่ถ่าย

8.มีอาการ “ท้องอืดท้องเฟ้อ” เป็นประจำ

9.มีอาการ “เบื่ออาหาร” ร่วมด้วย

10.ถ่าย “อุจจาระไม่สุด” เหมือนมีอุจจาระขัดอยู่ที่รูทวารหนัก

หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย ทั้งนี้ การตอบสนองกลไก Gastrocolic Reflex ที่รุนแรง มีอาการขับถ่ายหลังรับประทานอาหารทันที ร่วมกับมีอาการปวดท้อง ท้องอืด และขับถ่ายอุจจาระเหลว นี่อาจเป็นอาการของ “โรคลำไส้แปรปรวน” (Irritable Bowel Syndrome : IBS)

 

ลำไส้แปรปรวน ทำชีวิตปรวนแปร

หนึ่งในความผิดปกติของคนที่กินปุ๊บออกปั๊บคือ “โรคลำไส้แปรปรวน” ที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของลำไส้ส่วนปลาย ได้แก่ ปลายลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก ที่มีการบีบตัวมากเกินไป ทำให้เกิดอาการปวดท้อง แน่นท้อง ไม่สบายท้อง มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ท้องผูกหรือท้องเสีย เป็นต้น

จุดสังเกตอาการลำไส้แปรปรวน

  • ปวดท้อง อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ในช่วง 3 เดือน
  • ท้องผูก และ/หรือ ท้องเสีย
  • ท้องอืด แน่นท้อง
  • ปวดเกร็งบริเวณท้องน้อยหรือใต้สะดือ
  • มีลมในท้อง
  • อาการปวดหายไปหลังขับถ่าย

โรคลำไส้แปรปรวนไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังและมีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นอีก

ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้ถึงสาเหตุของภาวะลำไส้แปรปรวนได้อย่างแน่ชัด แต่พบว่ามีหลายปัจจัยร่วมกันที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะลำไส้แปรปรวน ได้แก่

  • การบีบตัวของลำไส้ผิดปกติ
  • การรับรู้ของระบบทางเดินอาหารที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ
  • ปัญหาในการย่อยอาหาร
  • การติดเชื้อในทางเดินอาหาร
  • ปัญหาทางด้านจิตใจและอารมณ์
  • การใช้ยาบางชนิด
  • กรรมพันธุ์ โดยพบว่า ในครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นโรคลำไส้แปรปรวน จะมีแนวโน้มในการเกิดโรคนี้ได้ 2 – 3 เท่า

บทสรุป "กินปุ๊บออกปั๊บ" แปลว่าสุขภาพดีหรือมีอะไรผิดปกติ?

ปฏิบัติตัวอย่างไรห่างไกลจากลำไส้แปรปรวน

  • ลดการรับประทานเนื้อสัตว์หรือไข่ ซึ่งเป็นโปรตีนย่อยยาก ควรเน้นรับประทานอาหารประเภทที่ย่อยง่าย เช่น เต้าหู้ ถั่วเหลือง และเนื้อปลา
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานของมัน ของทอด หรือเบเกอรี่ที่อุดมไปด้วยนม เนย
  • รับประทานอาหาร ผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยเส้นใย
  • รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหาร ไม่ควรเร่งรีบรับประทาน
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด ซึ่งก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม ชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ มีสองเรื่องหลักที่ควรปรับคือ #ปรับอาหาร ลองสังเกตดูว่าอาหารแต่ละชนิดกระตุ้นให้คุณต้องวิ่งเข้าห้องน้ำช้า-เร็ว ต่างกันยังไง แล้วลองค่อยๆ ปรับลดการทานอาหารที่ยิ่งกระตุ้น Gastrocolic Reflex หรืออาจมีการใช้ยาที่ช่วยลดอาการ Gastrocolic Reflex ส่วนนี้ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรร่วมด้วย

และ #ปรับไลฟ์สไตล์ โดยหันมาออกกำลังกายให้มากขึ้น ช่วยกระตุ้นให้ระบบการย่อยอาหาร ระบบเผาผลาญ ทำงานได้เป็นระบบเข้าที่เข้าทาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คุณขับถ่ายอย่างเป็นเวลา เปลี่ยนจากการคลายเครียดด้วยการกิน เป็นการคลายเครียดด้วยการขยับร่างกาย  ปรับพฤติกรรมการขับถ่าย โดยหมั่นขับถ่ายอย่างเป็นประจำทุกวันเป็นเวลาเดียวกันซ้ำๆ เพื่อให้ร่างกายเกิดการเรียนรู้ถึงช่วงเวลาในการขับถ่ายเป็นประจำ รับรองว่ามีแต่ได้กับได้แน่นอน