
ทำความรู้จักไข้เลือดออกเดงกี
เชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์จะถูกเรียกว่าซีโรไทป์ (Serotype) ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4
พาหะนำโรคสำคัญ คือ ยุงลายที่มีเชื้อไวรัสเดงกี เมื่อกัดแล้วจะถ่ายทอดเชื้อทันที สิ่งที่ต้องจำไว้คือ ยุงลายกินเลือดตอนกลางวัน ยิ่งถ้ามีน้ำขังแบบนิ่ง ยุงลายพร้อมวางไข่ทุกเมื่อ แม้ยุงลายจะมีอายุเพียง 7 วัน แต่ยุงลายพบมากในชุมชนและบ้านคนมากที่สุด โอกาสที่จะได้รับเชื้อไวรัสเดงกีจึงเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ส่วนใหญ่แล้วไข้เลือดออกเดงกีมักไม่มีอาการแสดง หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่ในบางรายอาจจะมีอาการรุนแรง จนถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้ และเป็นโรคที่คาดเดาได้ยากว่าใครจะอาการรุนแรงหรือไม่รุนแรง
เชื้อไวรัสไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์จะเกิดการแพร่ระบาดสลับหมุนเวียนกัน ทำให้ในแต่ละปีมีสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามพบว่าสายพันธุ์ที่ระบาดหลักในประเทศไทยนั้น เป็นสายพันธุ์ 1 และ 2 การแพร่ระบาดที่แตกต่างกันหลายสายพันธุ์จึงเป็นผลให้คนเราอาจไม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดนั้นๆ
การติดเชื้อไวรัสเดงกีชนิดหนึ่ง ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเดงกีแค่ชนิดที่ติดเท่านั้น แต่ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอาจจะป้องกันสายพันธุ์อื่น ๆ ได้ในชั่วคราว ทำให้ตลอดชีวิตของเราสามารถที่จะติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีได้มากกว่า 1 ครั้งนั่นเอง
การติดเชื้อซ้ำอาจทำให้อาการรุนแรงมากกว่าเดิม
หากการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีครั้งที่ 2 เกิดจากสายพันธุ์ชนิดที่แตกต่างจากเดิม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแสดงอาการที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากว่าการติดเชื้อซ้ำในครั้งที่ 2 จะเกิดการกระตุ้นภูมิต้านทานของการติดเชื้อในครั้งก่อนแต่เป็นภูมิต้านทานชนิดที่ไม่สามารถป้องกันโรคได้
รวมทั้งทำให้เชื้อไวรัสไข้เลือดออกสามารถกระจายตัวได้มากขึ้น ทำให้มีอาการรุนแรงได้มากขึ้น จึงเป็นผลให้การติดเชื้อในครั้งที่ 2 มีอาการรุนแรงมากกว่าเดิม
ไข้เลือดออก ติดได้ ไม่เลือกคน โดยมี ยุงลาย คือพาหะนำโรคไข้เลือดออกเดงกี ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ในสภาพอากาศอบอุ่น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือตามหมู่บ้านหากมีคนอาศัยอยู่ ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคก็สามารถเจริญเติบโตได้ ซึ่งหมายความว่าเราทุกคนมีโอกาสติดเชื้อไข้เลือดออกเดงกีได้ตลอดเวลา
ทำไมไข้เลือดออก จึงเพิ่มมากขึ้น?
การระบาดของไข้เลือดออกในประเทศไทย อาการของไข้เลือดออกเดงกี เทียบกับอาการของโรคอื่น โรคไข้เลือดออกเดงกี โรคชิคุนกุนยา โรคมาลาเรีย โรคไข้ซิก้า หรือโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น หวัด หรือแม้กระทั่งโรคโควิด-19 อาจทำให้เราเกิดความสับสนเกี่ยวกับอาการของโรคได้
โรคไข้เลือดออกเดงกี โรคชิคุนกุนยา โรคไข้ซิก้า เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มียุงชนิดเดียวกันเป็นพาหะ ซึ่งมักจะกัดเราในเวลากลางวัน ในขณะที่โรคมาลาเรียเองก็มียุงเป็นพาหะ แต่เกิดจากเชื้อปรสิต ซึ่งโรคเหล่านี้ทำให้เกิดอาการต่างๆ ขึ้นมากมาย รวมไปถึง อาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ ซึ่งไข้หวัดและโรคโควิด-19 ก็อาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้ในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อาการอื่น ๆ ของโรคโควิด-19 ก็มีความแตกต่างออกไปจากการติดเชื้อไข้เลือดออกเดงกี นั่นก็คือ อาการไอ หายใจหอบ สูญเสียการรับรู้รสหรือกลิ่น เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล และท้องเสีย และที่สำคัญคือยุงไม่ใช่พาหะนำโรคที่ก่อให้เกิดหวัด หรือโรคโควิด-19 หากแต่เกิดจากการสัมผัสบุคคลที่มีเชื้อไวรัส
จากข้อมูลข้างต้น แม้โรคเหล่านี้จะมีอาการแสดงที่เหมือนกัน แต่ความรุนแรงก็แตกต่างกันไปในแต่ละโรค ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เราจะวินิจฉัยโรคด้วยตัวเอง หากเรามีอาการเหล่านี้และคิดว่าอาจเป็นไข้เลือดออกเดงกี ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการตรวจยืนยันว่าเป็นไข้เลือดออกเดงกีหรือเกิดจากโรคอื่น เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม
ป้องกันโรคไข้เลือดออก
การป้องกัน สามารถ 3 วิธีหลัก ๆ ในการป้องกันโรคไข้เลือดออก ได้แก่
ไข้เลือดออก ป้องกันได้ด้วยวัคซีน
วัคซีนไข้เลือดออก ในปัจจุบันสามารถฉีดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ที่มีอายุระหว่าง 4-60 ปี วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกจากทุกสายพันธุ์ ได้ 80.2% และป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ 90.4%
วัคซีนไข้เลือดออกในประเทศไทย ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ชนิด 3 เข็ม (Dengvaxia) เป็นวัคซีนไข้เลือดออกชนิดแรกที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ใน 21 ประเทศทั่วโลก และเป็นวัคซีนไข้เลือดออกชนิดเดียวที่ได้รับการอนุมัติโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา USFDA
วัคซีนเดงวาเซีย (Dengvaxia) เหมาะสำหรับ ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ในผู้ที่ไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน แนะนำให้ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนรับวัคซีน สามารถใช้ในผู้ที่มีอายุ 6-45 ปี ฉีด 3 เข็ม ห่างกันเข็มละ 6 เดือน
2. วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ชนิด 2 เข็ม (QDenga) เป็นวัคซีนไข้เลือดออกตัวล่าสุด ที่พัฒนาโดยใช้ Backbone ของไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดมากที่สุดในประเทศไทย
ชนิดของวัคซีน : วัคซีนคิวเดงกา (Qdenga) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ผลิตและนำเข้ามาจากประเทศเยอรมนี โดยไวรัสที่อ่อนฤทธิ์ในวัคซีนจะเข้าไปแบ่งตัวและกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ
วัคซีนคิวเดงกา (Qdenga) สามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ไม่จำเป็นต้องตรวจภูมิคุ้มกันก่อนการรับวัคซีน สามารถใช้ในผู้ที่มีอายุ 4-60 ปี ฉีด 2 เข็ม ห่างกันเข็มละ 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีนไข้เลือดออก โดยหลีกเลี่ยงการเข้ารับวัคซีนขณะมีไข้ หรือไม่สบาย หลีกเลี่ยงการเข้ารับวัคซีนขณะตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตร แนะนำให้เว้นระยะห่างจากการฉีดวัคซีนเชื้อเป็นอื่นๆ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ อาการข้างเคียงที่พบได้คือ ปวด ห้อเลือด บวมและคันบริเวณที่ฉีด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว มีไข้ต่ำๆ