svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

กิน ‘มะเขือเทศ’ ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ

16 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รวมเรื่องน่ารู้ของ “มะเขือเทศ” ผลกลมแดงแฝงคุณประโยชน์ ผลิตผลจากธรรมชาติที่นิยมรับประทานมากอันดับ 1 ของโลก กับสรรพคุณทางยา รวมถึงการมีช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ

มีหลายเรื่องราวที่เราอาจเคยถกเถียงกันในกลุ่มเพื่อนกลางวงอาหาร ทั้งเรื่องสร้างสรรค์และสร้างสีสัน หนึ่งในปัญหาโลกแตกที่ว่านั้นคือการตั้งประเด็นคำถามว่า มะเขือเทศ เป็น ผัก หรือ ผลไม้? เกิดเป็นการสืบค้นข้อมูลร้อยเรียงเรื่องน่ารู้ของมะเขือเทศ ทั้งประโยชน์และสรรพคุณทางยา ที่บอกเลยว่ารู้แล้วต้องทึ่ง

กิน ‘มะเขือเทศ’ ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ

เรื่องน่ารู้ของ "มะเขือเทศ"

มะเขือเทศ มีชื่อสามัญว่า Tomato ชื่อวิทยาศาสตร์ Lycopersicon esculentum Mill จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ (SOLANACEAE) ข้อนี้ไขคำตอบได้ชัดว่ามะเขือเทศ คือผัก หรือ ผลไม้? ซึ่งคำตอบที่ได้คือ "มะเขือเทศเป็นผลไม้" โดยเป็นไปตามคำนิยามของหลักทางพฤกษศาสตร์ เพราะผลไม้คือส่วนของรังไข่ที่เจริญเติบโตเต็มที่ของพืชดอก ส่วนผักคือพืชที่กินได้ของพืชล้มลุก ไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ก้าน หัว หน่อ ดอก ซึ่งโดยปกติแล้วคนส่วนมากมักเข้าใจผิดว่ามะเขือเทศคือผัก เพราะนำไปใช้ประกอบอาหารกันเป็นส่วนใหญ่ และมักคิดว่าผลไม้คือสิ่งที่ให้ความหวานนั่นเอง โดยมะเขือเทศที่นิยมรับประทานมากคือ มะเขือเทศสีดา มะเขือเทศราชินี

มะเขือเทศจัดว่าเป็นผลไม้ที่คนทั่วโลกนิยมรับประทานกันมากที่สุด อันดับ 1 โดยนิยมรับประทานกันมากกว่าผลไม้ยอดนิยมอันดับ 2 อย่าง “กล้วย” มากถึง 16 ล้านตันต่อปี ส่วนผลไม้อันดับ 3 คือ แอปเปิ้ลและส้ม ตามลำดับ

นอกจากจะเป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากที่สุดในโลกแล้ว ประโยชน์ของมะเขือเทศยังมีอยู่มากมาย อาทิ

  • อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก
  • มะเขือเทศ 1 ผล มีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • มะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก
  • สีเหลืองอมส้มและผลสีแแดงของลูกมะเขือเทศ ประกอบด้วยสารสำคัญ อย่างสารจำพวกไลโคปีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโน เป็นต้น

กิน ‘มะเขือเทศ’ ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ

การบริโภคมะเขือเทศมีส่วนป้องกันโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ

ในมะเขือเทศมีส่วนประกอบสำคัญคือ ไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็น carotenoid ที่ไม่มี provitamin A activity มีการศึกษาหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการบริโภคมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ผลดีดังกล่าวเชื่อว่าเกิดจากฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นของ lycopene เพราะ lycopene มีหน้าที่คล้ายเป็น antioxidant ที่มีความแรงมาก

กลไกการออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ จับ singlet oxygen และลดการก่อกลายพันธุ์ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็ง โดยยับยั้งการส่งสัญญาณของ growth factor receptor และยับยั้งการดำเนินของ cell cycle ส่วนกลไกอื่นๆ ที่ช่วยเสริมฤทธิ์ต้านมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจเชื่อว่าเกิดจากการมี lycopene ไปปรับ intercellular gap junction communication, ปรับการทำงานของระบบฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน ตลอดจนกระบวนการเมตาบอลิสมภายในร่างกาย

ในคนสุขภาพดีที่บริโภค lycopene ในรูปของน้ำมะเขือเทศและซอสมะเขือเทศเป็นเวลา 1 สัปดาห์ พบว่ามีระดับ oxidized LDL ต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ lycopene มีคุณสมบัติลดระดับ cholesterol ในเลือด โดยไปยับยั้งเอนไซม์สำคัญที่ใช้สังเคราะห์ cholesterol ได้ทั้งในการทดลองแบบ in vitro และการศึกษาทางคลินิกขนาดเล็ก นอกจากนี้ lycopene ยังเร่งการสลาย LDL ให้มากขึ้น มีผลกับขนาดและส่วนประกอบของ LDL, plague rupture และการเปลี่ยนแปลงของ endothelial function 

การบริโภคมะเขือเทศลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งในช่องปากและกล่องเสียง, หลอดอาหาร, ลำไส้, เต้านม และรังไข่ และมีการศึกษษหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการบริโภคมะเขือเทศลดการทำลาย DNA ในเม็ดเลือดขาวและต่อมลูกหมากได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การบริโภคมะเขือเทศอาจเป็นประโยชน์เพื่อป้องกันโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจได้

กิน ‘มะเขือเทศ’ ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ

สรรพคุณทางยาด้านอื่นๆ ของมะเขือเทศ อาทิ

  • ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%
  • ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
  • ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน
  • ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
  • มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ
  • ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
  • ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก
  • ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเชื้อราที่ปาก
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% หากรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง

 

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

  • ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน
  • มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย
  • น้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
  • ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
  • มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนชวยบำรุงสายตา
  • มะเขือเทศมีเบตาแคโรทีนและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก
  • มะเขือเทศช่วยในการรักษาสิว ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
  • ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
  • มะเขือเทศใช้นำมาทำเป็นน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ขึ้นชื่อก็คือน้ํามะเขือเทศดอยคํา
  • เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่าง ๆ เป็นต้น
  • ซอสมะเขือเทศหมักผม ด้วยการใช้มะเขือเทศหมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีน
  • ซอสมะเขือเทศนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นโปรดของคุณให้เงางามเหมือนเดิมได้ ด้วยนำซอสมะเขือเทศมาถูแล้วล้างน้ำออก
  • ซอสมะเขือเทศช่วยในการดับกลิ่นคาว เศษอาหาร กลิ่นปลาสลิดได้เหมือนกันนะ เพียงแค่เปิดฝาซอสทิ้งไว้ 1 คืนเท่านั้น

 

คุณค่าทางโภชนาการของมะเขือเทศสีแดงสด ต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 18 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 3.9 กรัม
  • น้ำตาล 2.6 กรัม
  • เส้นใย 1.2 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.9 กรัม
  • น้ำ 94.5 กรัม
  • วิตามินเอ 42 ไมโครกรัม 5%
  • เบตาแคโรทีน 449 ไมโครกรัม 4%
  • ลูทีนและซีแซนทีน 123 ไมโครกรัม
  • วิตามินบี 1 0.037 มิลลิกรัม 3%
  • วิตามินบี 3 0.594 มิลลิกรัม 4%
  • วิตามินบี 6 0.08 มิลลิกรัม 6%
  • วิตามินซี 14 มิลลิกรัม 17%
  • วิตามินอี 0.54 มิลลิกรัม 4%
  • วิตามินเค 7.9 ไมโครกรัม 8%
  • ธาตุแมกนีเซียม 11 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุแมงกานีส 0.114 มิลลิกรัม 5%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 24 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุโพแทสเซียม 237 มิลลิกรัม 5%
  • ไลโคปีน 2,573 ไมโครกรัม

% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

 

สำหรับคนรักสุขภาพที่ชอบดื่มน้ำมะเขือเทศ แนะนำให้เป็นน้ำมะเขือเทศที่เราคั้นเองสดๆ จะดีกว่าน้ำมะเขือเทศขวดหรือกล่อง และไม่ควรเลือกรับประทานมะเขือเทศดิบ เพราะอาจจะเป็นผลเสียต่อร่างกายมากกว่าจะได้รับประโยชน์ และการกินมะเขือเทศในปริมาณมากก็ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด มีงานวิจัยมะเขือเทศ ว่าการรับประทานมะเขือเทศให้ได้ 10 ครั้งต่อสัปดาห์ ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เพราะจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมาก และดีต่อสุขภาพผิวอย่างเห็นได้ชัดเจน

 

อ้างอิง : สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดสุรินทร์ / หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล

 

logoline