4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน "วันมะเร็งโลก World Cancer Day 2025" United by Unique : รวมกันสร้างพลังบวกยอมรับความแตกต่างสร้างคุณค่า" โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม
นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดพิธีตอนหนึ่งว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสำคัญ ที่ส่งผลกระทบทั้งในระดับครอบครัว สังคม ประเทศ และโลก โดยในแต่ละปี ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่กว่า 140,000 คน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 86,000 คน กระทรวงสาธารณสุขจึงกำหนด นโยบายคนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ ดูแลปัญหามะเร็งครบวงจร ทั้งส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง ตรวจวินิจฉัย รักษา ฟื้นฟู กายและใจ ตั้งแต่ยังไม่ป่วย จนถึงการดูแลผู้ป่วยอย่างมีมาตรฐานที่เหมาะสม รวมถึงผลักดันนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ และเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ลดภาระค่าใช้จ่ายลดอัตราการป่วย การเสียชีวิตและเพิ่มคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน การป้องกันและแก้ปัญหาโรคมะเร็ง อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือ จากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
จากนั้น นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า คนป่วยมะเร็งมีจำนวนมาก แต่ละวันมีผู้ป่วยมะเร็ง 386 คน เสียชีวิต 232 คนต่อวัน เป็นตัวเลขที่สูงมาก ส่วนการดูแลประชาชน สปสช.ให้สิทธิการดูแลรักษาพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลปีละประมาณ 9,000 ล้านบาท ของโรงเรียนแพทย์ 7,000 ล้านบาท โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขอีก 2,000 ล้านบาทต่อปี แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขมีโรงพยาบาลทั่วประเทศเกือบ 1,000 แห่ง แต่คนใช้บริการน้อยกว่าโรงเรียนแพทย์ ซึ่งจะมีการเพิ่มศักยภาพของสังกัดกระทรวง 12 แห่ง โดยบุคลากรที่ยังขาดคือเทคนิคการแพทย์ นักรังสีวิทยา
ทั้งนี้ ยืนยันว่าเราพยายามดูแลให้มีผู้ป่วยน้อยลง ทั้งตรวจคัดกรอง ฉีดวัคซีน เช่น มะเร็งปากมดลูก ลดการเสียชีวิตได้พอสมควร โดยการคัดกรองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับสตรีไทยอายุ 30-60 ปี จากสถิติ 20 ปี คัดกรองได้ 21 ล้านราย ปัจจุบันพบปากมดลูกรายใหม่แค่ 5,320 ราย ต่อปี จากเดิม 2 หมื่นกว่า เหลือ 1 ใน 4 จากการคัดกรองและฉีดวัคซีน ส่วนเรื่องใบส่งตัวโรคมะเร็งนั้นเลขาธิการ สปสช.ได้รับการคัดเลือกอีกครั้ง ขอว่าจะจัดการให้แล้วเสร็จภายใน เม.ย.ขณะนี้ให้ใช้แบบเดิมก่อนไปพลางก่อน ซึ่งเป็นเรื่องฝ่ายปฏิบัติที่จะต้องไปพูดคุยกัน เราเป็นฝ่ายนโยบายก็ติดตามตลอด