Matthias Huss หัวหน้าของกลุ่มสำรวจธารน้ำแข็ง Glamos ในสวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และหากเรายังเป็นแบบนี้ทุกปี มันก็จะเลวร้ายกว่านี้ หากอยากให้อัตราของน้ำแข็งที่สูญเสียไปกลับฟื้นคืนมา เราต้องหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ธารน้ำแข็งที่ใช้เวลาในการก่อเกิดนับล้านปี แต่ตอนนี้โลกร้อนขึ้นจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมนุษย์ ทำให้ธารน้ำแข็งที่สำคัญหลายแห่งละลาย ซึ่งมีงานวิจัยชิ้นใหม่เผยว่าธารน้ำแข็งสวิตเซอร์แลนด์ละลายไปแล้วถึง 10% ภายใน 2 ปี
การศึกษานี้วิเคราะห์โดย Swiss Academy of Sciences พบว่า
4% ของปริมาณธารน้ำแข็งทั้งหมดของสวิตเซอร์แลนด์หายไปในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการลดลงของปริมาณธารน้ำแข็งประจำปีที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ รองจากปี 2022 ซึ่งได้ลดลงไปถึง 6% เป็นการละลายของน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกมาในประวัติศาสตร์มนุษย์
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า
สภาพอากาศที่แปรปรวนหนักมากเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นสาเหตุหลักของฤดูร้อนและฤดูหนาวที่ผิดปกติอันเกิดขึ้นทั่วโลก และที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือ หิมะที่มีปริมาณต่ำกว่าปกติและเกิดการละลายอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงฤดูร้อนปี 2565-2566 เราสูญเสียน้ำแข็งไปเท่ากับการละลายของน้ำแข็งระหว่างปี 2503-2533
สิ่งที่บ่งบอกชัดว่าธารน้ำแข็งที่สำคัญแทบไม่เหลือแล้วคือ นักสำรวจหยุดสำรวจกันแล้ว เนื่องจากไม่มีน้ำแข็งหลงเหลือให้สำรวจ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเริ่มกลับสถาบันหรือกลับถิ่นฐานกันบ้างแล้ว จากในช่วงที่ผ่านมาธารน้ำแข็งบางแห่งละลาย แห้งจนไม่มีอะไรให้ได้สำรวจอีกต่อไป
Matthias Huss หัวหน้าของกลุ่มสำรวจธารน้ำแข็ง Glamos ในสวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และหากเรายังเป็นแบบนี้ทุกปี มันก็จะเลวร้ายกว่านี้ หากอยากให้อัตราของน้ำแข็งที่สูญเสียไปกลับฟื้นคืนมา เราต้องหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
แม้ว่าโลกจะสามารถควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียสได้ แต่ปริมาณน้ำแข็งในสวิตเซอร์แลนด์จะยังคงลดลงอยู่ดี และคาดว่าจะเหลือเพียง 1 ส่วน 3 เท่านั้น คนรุ่นต่อไปอาจจะไม่ได้เห็นธารน้ำแข็งแบบนี้อีกแล้ว
ขอขอบคุณที่มา : The Guardian