svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

สรุปจบไม่ตัด "ต้นยางนาเก่าแก่ยืนต้นตาย" ปล่อยให้เป็นที่อาศัยนกแก้วโม่ง

เจ้าอาวาสวัดมะเดื่อ พร้อมหน่วยงานด้านอนุรักษ์ และส.ส.นนทบุรี ร่วมถกแนวทางแก้ไข กรณีการตัดต้นยางนาเก่าแก่ยืนต้นตาย เกรงกระทบ "นกแก้วโม่ง" ที่มาอาศัยทำรัง สุดท้ายได้ข้อสรุป ไม่ตัดต้นยางนา เผยแนวทางแก้ปัญหาในเบื้องต้น

จากกรณีที่นักอนุรักษ์นกแก้วโม่งในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี พบว่ามีฝูงนกแก้วโม่งประมาณ 6 - 7 คู่ มาอาศัยขุดโพรงทำรังอยู่บนยอดต้นยางนาอายุนับร้อยปี ภายในวัดมะเดื่อ ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่เกิดเสียงคัดค้านจากชาวบ้านในบางส่วนในพื้นที่เนื่องจากเกรงว่า ต้นยางนาอายุนับร้อยปีที่ยืนต้นตายซากที่มีขนาดความสูงใหญ่จะล้มโค่นลงมาใส่ผู้คนที่สัญจรเดินทางไปมา รวมทั้ง โรงเรียนซึ่งมีเด็กเล็กและพื้นที่ของวัดที่มีพระเณรอาศัยอยู่ ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายกับชีวิตและทรัพย์สินที่อยู่ในรัศมีของต้นยางนาต้นดังกล่าว

ในขณะที่นักอนุรักษ์นกแก้วโม่งเอง เกรงว่าการโค่นต้นยางนาทิ้ง จะทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของนกแก้วโม่งหายไป รวมทั้งส่งผลกระทบกับการเพิ่มจำนวนนกแก้วโม่งฝูงนี้ เนื่องจากกำลังเข้าฤดูจับคู่ผสมพันธุ์และออกไข่ หลังจากนั้นนกแก้วโม่งจะใช้เวลาในการฟักไข่และเลี้ยงดูลูกนกจนโตก่อนจะบินย้ายถิ่นฐานไปที่อื่น และจะกลับมรอีกครั้งในฤดูผสมพันธุ์เดือนสิงหาคมของทุกปี 

เกี่ยวกับปัญหาความเห็นแต่กันระหว่างชาวบ้านที่เห็นคัดค้านกับนักอนุรักษุ์ที่ต้องการให้รักษาต้นยางนาไว้ให้นกแก้วโม่งฝูงนี้ ในขณะที่ทางวัดเองก็กลายเป็นคนกลางในฐานะเจ้าของพื้นที่ที่ต้นยางนาตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัด ทำให้ทั้ง 3 ฝ่ายได้นัดหมายเจรจาหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวร่วมกันในวันนี้ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภาพโดย โครงการอนุรักษ์นกแก้วโม่ง Alexandrine parakeet project  

11 กันยายน 2566 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด ที่ห้องประชุมวัดมะเดื่อ ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พระครูนนทปริยัติ วิสุทธิ เจ้าอาวาสวัดมะเดื่อ นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.นนทบุรี นายวัฒนา ศักดิ์ชูวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนนทบุรี นายกิติภูมิ แสงเดือน นายก อบต.บางรักใหญ่ นายนิติ ธรรมจิตต์ นักวิชาการสมาคมรุกขกรรมไทย และ ดร.ศรินทร์ภัทร์ สุวรรณรัตน์ นักอนุรักษ์นกแก้วโม่ง รวมกันหารือทางออกในเรื่องนี้
สรุปจบไม่ตัด "ต้นยางนาเก่าแก่ยืนต้นตาย" ปล่อยให้เป็นที่อาศัยนกแก้วโม่ง

พระครูนนทปริยัติวิสุทธิ กล่าวว่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกไปในโซเซียลแล้ว มีคนไม่เข้าใจเป็นจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์โจมตีวัดในทำนองที่ว่า วัดเป็นเขตอภัยทานแล้วทำไมไม่ยอมให้นกอยู่อาศัย จะไปตัดต้นไม้ไล่นกพันธุ์หายากไปทำไม ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นแบบคนที่ไม่เข้าใจเรื่องราวเลย วัดไม่ได้ต้องการที่จะตัดต้นยางนาอายุเป็นร้อยๆปีที่อยู่คู่กับวัดมาเพื่อไล่นก แต่เป็นเพราะต้นยางนาต้นนี้ได้ยืนต้นตายมานานกว่า 20 ปีแล้ว ลำต้นก็เริ่มผุพังลงรวมทั้งกิ่งก้านต่างๆ 

พระครูนนทปริยัติวิสุทธิ กล่าวอีกว่า ซึ่งทางวัดเองก็เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับผู้คนในชุมชน โรงเรียนชั้นประถม และพระเณรที่อาศัยอยู่ภายในวัด เพราะด้วยขนาดลำต้นที่มีความยาวสูงใหญ่ ถ้าต้นยางนาเจอแรงลมพายุฝนเข้า รัศมีที่ต้นยางนาจะล้มใส่มีทั้งโรงเรียน ถนนที่ผู้คนสัญจร รวมทั้งกุฎิพระและโบสถ์ใหม่ที่กำลังสร้าง ล้มใส่สิ่งปลูกสร้างมาก็พังเสียหาย ล้มใส่ผู้คนมาก็คงไม่เหลือ เพราะขนาดที่ผ่านมา แค่กิ่งจากต้นยางนาร่วงหล่นมาใส่รถของคนที่เดินทางมาทำบุญกับทางวัด ทางวัดยังต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะต้นยางต้นนี้อยู่ในพื้นที่วัดไม่สามารถปฎิเสธความรับผิดชอบไปได้ จึงอยากให้ทางนักอนุรักษ์เห็นใจทางวัดด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากมีวิธีการอื่นในการแก้ไขปัญหาให้ทางวัดไม่ต้องโค่นต้นยางนาออก เพื่อให้เป็นที่พักของนกแก้วโม่งสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เป็นอันตรายกับชุมชน ทางวัดยินดีที่จะให้ความร่วมมือเช่นกัน 

สรุปจบไม่ตัด "ต้นยางนาเก่าแก่ยืนต้นตาย" ปล่อยให้เป็นที่อาศัยนกแก้วโม่ง
ด้าน ดร.ศรินทร์ภัทร์ สุวรรณรัตน์ นักอนุรักษ์นกแก้วโม่ง กล่าวว่า จากการที่ตนเองและทีมงานติดตามจำนวนประชากรของนกแก้วโม่งในจังหวัดนนทบุรี พบว่าปัจจุบันมีฝูงนกแก้วโม่ง มารวมฝูงกันพักอาศัยอยู่ที่เฉพาะต้นยางนาใน 4 จุดด้วยกันคือ ฝูงที่วัดสวนใหญ่ในอำเภอบางกรวย ฝูงที่วัดสะพานสูงในอำเภอปากเร็ด ฝูงที่วัดไผ่เหลืองกับฝูงที่วัดมะเดื่อ ในอำเภอบางบัวทอง ซึ่งธรรมชาติของนกแก้วโม่งจะอาศัยขุดโพรงทำรังอยู่บนต้นยางนาที่สูงเท่านั้น ไม่พบว่ามีการไปสร้างรังหรือขุดโพรงที่ต้นไม้ชนิดอื่น 

ซึ่งหลังนกแก้วโม่งเริ่มจับคู่ขุดโพรงทำรังแล้วก็จะเริ่มผสมพันธุ์และวางไข่ จากนั้นก็จะใช้เวลาในการฟักไข่เลี้ยงดูลูกนกอยู่ในโพรงไปจนกว่าลูกนกจะเริ่มออกบินหาอาหารได้ด้วยตัวเอง การตัดโค่นต้นยางนาทิ้งเพราะเหมือนกับการขับไล่ให้นกแก้วโม่งเหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัย รวมทั้งอาจทำให้เกิดอันตรายกับลูกนกที่ยังไม่สามารถบินได้

"นกแก้วโม่งเป็นนกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เพราะในธรรมชาติปัจจุบันเหลือจำนวนน้อย ตนอยากเสนอให้ทางวัดซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่มีต้นยางนาต้นนี้ตั้งอยู่หาแนวทางในการอนุรักษ์นกร่วมกันโดยไม่ต้องโค่นต้นยางนาออก" ดร.ศรินทร์ภัทร์ กล่าว

สรุปจบไม่ตัด "ต้นยางนาเก่าแก่ยืนต้นตาย" ปล่อยให้เป็นที่อาศัยนกแก้วโม่ง
ขณะที่ นายนิติ ธรรมจิตต์ นักวิชาการจากสมาคมรุกขกรรมไทย ซึ่งดูแลเกี่ยวกับต้นไม้ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจของทีมงานพบว่าต้นยางนาต้นนี้มีอายุมากกว่าร้อยปี และยืนต้นตายมาเป็นเวลานานแล้ว สภาพในโพรงของต้นยางนาเปื่อยยุยเกือบจะทั้งหมดและมีแนวโน้มที่จะล้มลงมาได้ทุกเมื่อเนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่า มีรอยแตกในลักษณะขวางตามลำต้น ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายและมีความเสี่ยงสูงกับผู้คนในชุมชน รวมทั้งพระเณร และสิ่งปลูกสร้างที่อย่รอบทิศของต้นยางนานี้ ซึ่งหากให้ตนพูดถึงความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับการประเมินต้นไม้ต้นนี้ตามที่ตนได้ศึกษามา ไม่เกี่ยวกับเรื่องการอนุรักษ์นก ตนเห็นว่าควรโค่นตัดทิ้งออกเพื่อความปลอดภัยของผู้คนและชุมชน 
สรุปจบไม่ตัด "ต้นยางนาเก่าแก่ยืนต้นตาย" ปล่อยให้เป็นที่อาศัยนกแก้วโม่ง
ส่วน นายวัฒนา ศักดิ์ชูวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า เนื่องจากนกแก้วโม่งถือเป็นสัตว์ที่ได้รับการอนุรักษ์และคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งในจังหวัดนนทบุรีพบว่ามีอยู่ประมาณ 4 ฝูง ตามแนวคลอมอ้อม โดยจังหวัดนนทบุรีเตรียมผลักดันให้นกแก้วโม่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่อไปในอนาคตคู่กับสวนทุเรียนนนท์ ก็สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดต่อไปได้
สรุปจบไม่ตัด "ต้นยางนาเก่าแก่ยืนต้นตาย" ปล่อยให้เป็นที่อาศัยนกแก้วโม่ง
สรุปจบไม่ตัด "ต้นยางนาเก่าแก่ยืนต้นตาย" ปล่อยให้เป็นที่อาศัยนกแก้วโม่ง

โดยแนวทางแก้ปัญหาในเบื้องต้นทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนนทบุรีได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนรายหนึ่งที่จะเข้ามาสนับสนุนโครงสร้างเหล็กค้ำยันพื้นกับต้นยางนาเอาไว้ โดยจะทำการตัดกิ้งก้านของต้นยางนาที่ผุพังออก พร้อมกับติดตั้งรังเทียมไปยังต้นยางนาต้นอื่นๆ ที่ขึ้นอยู่ในพื้นที่ เพื่อให้นกแก้วโม่งหาที่ทำรังแห่งใหม่ ซึ่งก็จะเป็นทางออกที่ดีกับทุกฝ่าย

ด้าน นายกิติภูมิ แสงเดือน นายก อบต.บางรักใหญ่ กล่าวว่า หากมีนำอุปกรณ์มาล้อมยันต้นยางนาเอาไว้แล้ว เพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงให้เป็นที่อยู่อาศัยของนกแก้วโม่งซึ่งเป็นสัตว์อนุรักษ์ รวมทั้งในอนาคตต่อไปทางจังหวัดจะสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เป็นแหล่งดูนกในพื้นที่ ซึ่งก็จะเป็นผลดีกับชุมชนต่อไป เพราะทำให้ทั้งทางวัดและพื้นที่มีจุดขายที่ผู้คนจะเดินทางมาเที่ยวดูนกโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไร นอกจากการอนุรักษ์นกหายากเอาไว้ ให้อยู่ในพื้นที่ ถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในชุมชนไปในตัว 

ขณะที่ นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.นนทบุรี กล่าวว่า หลังทุกฝ่ายได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันและหาทางออกร่วมกันได้ ก็เรื่องน่ายินดี ตนในฐานะ ส.ส.ในพื้นที่พร้อมที่จะสนับสนุนช่วยเหลือผลักดันให้พื้นที่ของวัดมะเดื่อแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เป็นแหล่งดูนกหายากต่อไปในอนาคต ของจังหวัดนนทบุรี ทั้งคนทั้งนกได้ประโยชน์เกื้อกูลซึ่งกันและกัน



ขอบคุณภาพนกแก้วโม่งบางส่วนจาก : โครงการอนุรักษ์นกแก้วโม่ง Alexandrine parakeet project