การประชันวิสัยทัศน์ หรือ ดีเบต รอบเดียวระหว่าง ทิม วอลซ์ ผู้สมัครรองประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต และ เจ.ดี. แวนซ์ ผู้สมัครรองประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ที่นครนิวยอร์กเมื่อคืนวันอังคาร
ทั้งสองฝ่ายรักษามารยาทได้ดี และมุ่งเน้นเรื่องนโยบาย โดยไม่มีการโต้เถียงดุเดือดและโจมตีในประเด็นส่วนตัวเหมือนการดีเบตของคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนกันยายน ที่ทรัมป์ถูกมองว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ นอกจากนี้ทั้งวอลซ์ และแวนซ์ มุ่งโจมตีผู้สมัครประธานาธิบดีของฝั่งคู่แข่งมากกว่าจะโจมตีกันเอง
ประเด็นคำถามในการดีเบตมีทั้งเรื่องวิกฤตตะวันออกกลาง ผู้อพยพ ภาษี การทำแท้ง เศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
และแวนซ์ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ สามารถทำในสิ่งทรัมป์ไม่สามารถทำได้ในการดีเบต คือ หลีกเลี่ยงการพูดผิด และการระเบิดอารมณ์ นอกจากนี้เขายังดูเหนือชั้นกว่าวอลซ์ในเรื่องการควบคุมประเด็นนโยบาย
ส่วนวอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา พูดผิดสลับชื่ออิหร่านกับอิสราเอล ตอนตอบคำถามว่าจะแนะนำประธานาธิบดีอย่างไรเกี่ยวกับการชิงโจมตีก่อนของอิสราเอลต่ออิหร่าน และบางครั้งเขายังมีท่าทางประหม่าและไม่มั่นใจ บางครั้งก็พูดเร็วจนตะกุกตะกัก
ผลสำรวจของซีบีเอส พบว่า ผู้ชม 42% แวนซ์ชนะดีเบต และ 41% บอกว่า วอลซ์ชนะ และ 17% บอกว่า เสมอกัน
ขณะที่โพลของซีเอ็นเอ็น พบว่า ผู้ชม 51% แวนซ์ดีเบตได้ดีกว่า และ 49% บอกว่า วอลซ์ทำได้ดีกว่า ซึ่งแตกต่างจากผลสำรวจผู้ตอบคำถามกลุ่มเดียวกันในช่วงก่อนการดีเบตว่า วอลซ์ได้รับการคาดหวังว่าจะทำผลงานได้ดีกว่า คือ 54% และแวนซ์ได้เพียง 45%
นอกจากนี้ผู้ชม 59% บอกว่า มีทัศนะที่ดีต่อวอลซ์ เพิ่มขึ้นจาก 46% ช่วงก่อนการดีเบต ขณะที่ 41% บอกว่า มีทัศนะที่ดีต่อแวนซ์ เพิ่มขึ้นจาก 30% ก่อนการดีเบต
และผู้ชมดีเบต 65% บอกว่า วอลซ์มีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นประธานาธิบดีในกรณีมีเหตุจำเป็น และ 58% บอกว่า แวนซ์มีคุณสมบัติเหมาะที่จะทำหน้าที่ประธานาธิบดีหากจำเป็น