
พายุ “เบบินคา” ซึ่งมีความเร็วลมใกล้ตาพายุที่ 151 กม./ชม. พัดขึ้นฝั่งที่นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อเวลาราว 7.30 น. ของวันจันทร์ (16 กันยายน) ตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นพายุรุนแรงที่สุดที่พัดถล่มเซี่ยงไฮ้โดยตรง นับจากพายุไต้ฝุ่น “กลอเรีย” ในปี 2492 เซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยเผชิญพายุไต้ฝุ่นพัดกระหน่ำโดยตรง เพราะพายุมักขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของประเทศ
เที่ยวบินกว่า900 เที่ยว ที่สนามบิน 2 แห่ง ของเมืองถูกยกเลิกตั้งแต่คืนวันอาทิตย์จนถึงบ่ายวันจันทร์ และสถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้ระงับเที่ยวรถไฟบางเที่ยว นอกจากนี้เรือข้ามฟากจำนวนมากต้องหยุดให้บริการ ทางการสั่งปิดทางหลวงทุกสายทั่วเมือง และจำกัดความเร็วรถบนทางด่วนและทางยกระดับเหลือเพียง 40 กม./ชม. และรถบัสในบางพื้นที่ระงับให้บริการ
การสัญจรหยุดชะงักเกิดขึ้นในช่วงที่จีนกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่มีวันหยุดยาวนาน 3 วัน รีสอร์ตและสวนสนุกในเซี่ยงไฮ้หลายแห่งต้องปิดชั่วคราว และกระเช้าลอยฟ้าตามรีสอร์ตชายหาดระงับบริการ นอกจากนี้ประชาชนกว่า 414,000 คน ต้องอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย และเรือราว 810 ต้องกลับเข้าฝั่ง และหน่วยกู้ภัยกว่า 2,500 ทีม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รวม 56,000 คน อยู่ในขั้นเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือฉุกเฉิน
ขณะที่ในมณฑลเจ้อเจียง ที่อยู่ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ มีลมกระโชกแรงและฝนตกตามชายฝั่งเนื่องจากอิทธิพลของพายุ และทางการเมืองโจวซาน ติดป้ายเตือนนักท่องเที่ยวและประชาชนให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง ส่วนเมืองซูโจว ในมณฑลเจียงซู ยกระดับมาตรการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นระดับ 1 ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก บริการรถโดยสารสาธารณะ และบริการรับส่งอาหารทั้งหมดต้องหยุดให้บริการ และงานก่อสร้างทั้งหมดทั่วเมืองถูกระงับ โดยให้คนงานอพยพไปศูนย์พิกพิงในโรงยิม
ก่อนหน้านี้พายุเบบินคาได้พัดผ่านญี่ปุ่น และทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 รายในฟิลิปปินส์
ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” พัดขึ้นฝั่งในมณฑลไห่หนาน ภาคใต้ของจีนเมื่อวันที่ 6 กันยายน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และผู้บาดเจ็บ 95 ราย และส่งผลให้เกิดอุทกภัยรุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในเวียดนามและเมียนมารวมหลายร้อยราย