svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

พายุไต้ฝุ่น “เบบินคา” ขึ้นฝั่งเซี่ยงไฮ้ รุนแรงสุดใน 75 ปี

พายุไต้ฝุ่น “เบบินคา” พัดขึ้นฝั่งที่นครเซี่ยงไฮ้ของจีนในเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นพายุรุนแรงที่สุดที่พัดกระหน่ำเมืองนี้ในรอบ 75 ปี ส่งผลคมนาคมหยุดชะงัก ประชาชนกว่า 400,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

พายุไต้ฝุ่น “เบบินคา” ขึ้นฝั่งเซี่ยงไฮ้ รุนแรงสุดใน 75 ปี

พายุ “เบบินคา” ซึ่งมีความเร็วลมใกล้ตาพายุที่ 151 กม./ชม. พัดขึ้นฝั่งที่นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อเวลาราว 7.30 น. ของวันจันทร์ (16 กันยายน) ตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นพายุรุนแรงที่สุดที่พัดถล่มเซี่ยงไฮ้โดยตรง นับจากพายุไต้ฝุ่น “กลอเรีย” ในปี 2492  เซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยเผชิญพายุไต้ฝุ่นพัดกระหน่ำโดยตรง เพราะพายุมักขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของประเทศ

เที่ยวบินกว่า900 เที่ยว ที่สนามบิน 2 แห่ง ของเมืองถูกยกเลิกตั้งแต่คืนวันอาทิตย์จนถึงบ่ายวันจันทร์  และสถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้ระงับเที่ยวรถไฟบางเที่ยว นอกจากนี้เรือข้ามฟากจำนวนมากต้องหยุดให้บริการ ทางการสั่งปิดทางหลวงทุกสายทั่วเมือง และจำกัดความเร็วรถบนทางด่วนและทางยกระดับเหลือเพียง 40 กม./ชม. และรถบัสในบางพื้นที่ระงับให้บริการ

พายุไต้ฝุ่น “เบบินคา” ขึ้นฝั่งเซี่ยงไฮ้ รุนแรงสุดใน 75 ปี

การสัญจรหยุดชะงักเกิดขึ้นในช่วงที่จีนกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่มีวันหยุดยาวนาน 3 วัน รีสอร์ตและสวนสนุกในเซี่ยงไฮ้หลายแห่งต้องปิดชั่วคราว และกระเช้าลอยฟ้าตามรีสอร์ตชายหาดระงับบริการ  นอกจากนี้ประชาชนกว่า 414,000 คน ต้องอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย และเรือราว 810 ต้องกลับเข้าฝั่ง และหน่วยกู้ภัยกว่า 2,500 ทีม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รวม 56,000 คน อยู่ในขั้นเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือฉุกเฉิน

ขณะที่ในมณฑลเจ้อเจียง ที่อยู่ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ มีลมกระโชกแรงและฝนตกตามชายฝั่งเนื่องจากอิทธิพลของพายุ และทางการเมืองโจวซาน ติดป้ายเตือนนักท่องเที่ยวและประชาชนให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง  ส่วนเมืองซูโจว ในมณฑลเจียงซู ยกระดับมาตรการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นระดับ 1 ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก บริการรถโดยสารสาธารณะ และบริการรับส่งอาหารทั้งหมดต้องหยุดให้บริการ และงานก่อสร้างทั้งหมดทั่วเมืองถูกระงับ โดยให้คนงานอพยพไปศูนย์พิกพิงในโรงยิม

ก่อนหน้านี้พายุเบบินคาได้พัดผ่านญี่ปุ่น และทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 รายในฟิลิปปินส์

ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” พัดขึ้นฝั่งในมณฑลไห่หนาน ภาคใต้ของจีนเมื่อวันที่ 6 กันยายน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และผู้บาดเจ็บ 95 ราย และส่งผลให้เกิดอุทกภัยรุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในเวียดนามและเมียนมารวมหลายร้อยราย