"อิสราเอล" อ้างสกัดได้ 99% หลัง "อิหร่าน" ยิงถล่ม 300 ครั้ง
อิสราเอลชื่นชมความสำเร็จของกองทัพและความร่วมมือของชาติพันธมิตร ทำให้สามารถสกัดการโจมตีโดยตรงครั้งแรกของอิหร่าน ที่ส่งโดรนและขีปนาวุธถล่มรวมประมาณ 300 ครั้ง ได้เกือบทั้งหมด และน่านฟ้าอิสราเอลกลับมาเปิดให้สัญจรได้ตามปกติแล้วหลังปิดไปราว 7 ชม.
โฆษกของกองทัพอิสราเอล รายงานยืนยันเป็นครั้งแรกเมื่อเวลา 23.00 น.ของวันเสาร์ว่า การโจมตีของอิสราเอลที่คาดการณ์มานานหลายวันได้เริ่มขึ้นแล้ว และต่อมาแถลงสรุปว่าอิหร่านปล่อยโดรนและขีปนาวุธใส่อิสราเอลรวมเกือบ 300 ครั้ง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโดรน 170 ลำ ขีปนาวุธร่อน 30 ลูก และขีปนาวุธทิ้งตัว 120 ลูก แต่ 99% ถูกสกัดไว้ได้ด้วยกองทัพอิสราเอลและชาติพันธมิตร
เขาระบุว่าไม่มีโดรนลำใดเข้าสู่น่านฟ้าอิสราเอลได้ ทั้งหมดถูกยิงร่วงนอกพรมแดนอิสราเอล และขีปนาวุธร่อน 25 ลูก ถูกสอยร่วงโดยกองทัพอากาศอิสราเอล และขีปนาวุธทิ้งตัวส่วนใหญ่ถูกยิงสกัดโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ใช้ขีปนาวุธิสัยไกล "แอร์โรว" ของอิสราเอล แม้ว่าขีปนาวุธบางลูกเล็ดลอดผ่านระบบป้องกัน ทำให้โครงสร้างพื้นฐานในฐานทัพอากาศเนวาทิมในภาคใต้ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย
นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่า มีการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธหลายสิบครั้งจากอิหร่านและเยเมนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แต่ไม่สามารถเข้าสู่น่านฟ้าอิสราเอลได้ พร้อมกันนี้กองทัพเผยภาพเครื่องบินขับไล่กลับจากภารกิจ ยิงสกัดโดรนและขีปนาวุธของอิหร่านด้วย
ต่อมากองทัพอิสราเอลบอกว่า ประชาชนทั่วประเทศไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ที่กำบังแล้ว แต่คำสั่งห้ามการรวมกลุ่มและยกเลิกกิจกรรมทางการศึกษาและทัศนศึกษาทั้งหมด ยังคงบังคับใช้อยู่ต่อไป
ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และเบนนี แกนตซ์ รัฐมนตรีสงคราม และโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหม กล่าวภายในหลังการประชุมประเมินสถานการณ์ว่า อิสราเอลประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นการโจมตีของอิหร่าน แต่เตือนว่า "ปฏิบัติการยังไม่จบ" และจำเป็นต้องเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์
กัลแลนต์บอกด้วยว่า กองทัพยับยั้งการโจมตีได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมกับยกย่องความร่วมมือจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรที่ช่วยสกัดกั้นการโจมตีของอิหร่าน
ขณะเดียวกันรัฐบาลอิสราเอลยังเผยแพร่ภาพ ขณะนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ในเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาอิสราเอลหรือคืนวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐฯ หลังการโจมตีของอิหร่าน และภาพเหล่านายทหารระดับสูงของอิสราเอลประชุมหารือในห้องปฏิบัติการ
ล่าสุดมีรายงานว่าอิสราเอลเปิดน่านฟ้าได้ในเวลา 7.30 น.ของวันอาทิตย์ (14 เมษายน 2567) แล้วหลังจากปิดไปราว 7 ชม. เนื่องจากการโจมตีของอิหร่าน แต่เที่ยวบินจากกรุงเทลอาวีฟยังอาจได้รับผลกระทบ และนักเดินทางควรตรวจสอบตารางบิน
ขณะที่สื่อของทางการอิหร่านรายงานว่า กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่านยืนยันว่า มีการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธหลายสิบครั้งต่อเป้าหมายเฉพาะเจาะจงในอิสราเอล
นอกจากนี้คณะผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติโพสต์ใน X ว่า ปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลน่าจะเสร็จสิ้นแล้ว และระบุว่าการโจมตีนี้อาศัยอำนาจตามมาตรา 51 ของกฎบัตรแห่งสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการป้องกันตัวเองที่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ยังเตือนด้วยว่า "หากอิสราเอลยังทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหม่ อิหร่านก็จะตอบโต้อย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น" พร้อมกับเตือนไม่ให้สหรัฐฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้
การโจมตีของอิหร่าน เป็นการตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศถล่มอาคารสถานกงสุล ในบริเวณสถานทูตของอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 ทำให้ชาวอิหร่านเสียชีวิต 7 ราย ซึ่งรวมถึงผู้บัญชาการระดับสูงในกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม 2 นาย และมีชาวซีเรียเสียชีวิตอีก 6 ราย