ศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุกพ่อแม่ของวัยรุ่น คดีกราดยิงในโรงเรียน

เจมส์ และเจนนิเฟอร์ ครัมบลีย์ ขึ้นศาลพร้อมกันครั้งแรกในรอบหลายเดือนเพื่อฟังคำตัดสินของศาลเขตโอ๊กแลนด์ ในเมืองปอนเตี๊ยก ในรัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (9 เมษายน 2567) และผู้พิพากษา เชอริล แมทธิวส์ อ่านคำตัดสินให้ลงโทษจำคุกทั้งคู่คนละ 10-15 ปี ในข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา โดยบอกว่า การลงโทษครั้งนี้สมเหตุผลและเพียงพอกับความร้ายแรงของคดี

คำพิพากษาลงโทษมีขึ้นหลังจากทั้งคู่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริงในข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเมื่อเดือนมีนาคม จากคดีที่อีธาน ครัมบลีย์ ลูกชาย ใช้ปืนกึ่งอัตโนมัติกราดยิงนักเรียนเสียชีวิต 4 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 7 ราย ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองออกซ์ฟอร์ด รัฐมิชิแกนเมื่อปี 2564 ขณะที่เขามีอายุ 15 ปี 

ทั้งคู่ถูกคุมขังมานานกว่า 2 ปี นับจากถูกจับตัวได้ที่โกดังสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองดีทรอยต์เพียงไม่กี่วันหลังวันเกิดเหตุ แม้ก่อนหน้านี้ทั้งสองถูกพิจารณาคดีแยกกัน แต่รับฟังคำตัดสินลงโทษพร้อมกันเมื่อวานนี้ ส่วนลูกชายกำลังรับโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสพักการลงโทษโดยมีทัณฑ์บน หลังรับสารภาพข้อหาก่อการร้ายที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต, ฆาตกรรม และข้อหาอื่น ๆ อีก 19 กระทง

ทั้งสองแสดงความเสียใจสำหรับการกระทำของลูก และทนายพยายามขอให้ลดโทษจำคุกให้เบาลง ขณะที่กฎหมายเสนอแนะโทษจำคุก 7 ปี แต่อัยการเสนอโทษจำคุกนานกว่านั้น

ผู้พิพากษาให้เหตุผลว่า ขยายโทษจำคุกเป็น 10-15 ปี เพื่อเป็นการป้องปราม และสะท้อนถึงความล้มเหลวของพ่อแม่ในการยับยั้งเหตุร้าย พร้อมทั้งชี้แจงว่า คำตัดสินไม่ใช่เรื่องของการเป็นพ่อแม่ที่ไม่ดี แต่เพราะพวกเขาเพิกเฉยต่อโอกาสที่จะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมได้

อัยการกล่าวหาว่า ทั้งคู่ไม่สนใจสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า สุขภาพทางจิตของลูกชายเลวร้ายลง และยังซื้อปืนให้เขาเพียงไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ โดยไม่มีการเก็บปืนให้ปลอดภัย

ในวันเกิดเหตุเจมส์และเจนนิเฟอร์ไปพบครูที่โรงเรียนเกี่ยวกับภาพวาดที่น่าตกใจของลูกชาย ซึ่งมีทั้งภาพปืนและข้อความว่า “เลือดทุกที่” แต่กลับไม่พาลูกกลับบ้านและไปทำงานตามปกติ และเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนก็ให้เขากลับห้องเรียนโดยไม่มีการตรวจเช็คกระเป๋าสะพายหลัง ซึ่งมีปืนซ่อนไว้

ทั้งสองเป็นผู้ปกครองคู่แรกที่ต้องรับผิดคดีอาญาในเหตุยิงสังหารหมู่ในโรงเรียนจากการกระทำของลูก และจะกลายเป็นคดีตัวอย่าง ที่อาจถูกใช้เป็นบรรทัดฐานในการนำตัวพ่อแม่และผู้ปกครองมารับผิดชอบตามกระบวนการยุติธรรม ในขณะที่ประเทศยังคงเผชิญเหตุกราดยิงในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง