ศาลโลกสั่งอิสราเอลเปิดทางให้ความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา
ศาลโลกมีคำสั่งครั้งใหม่ให้อิสราเอลดำเนินการทุกวิถีทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา พร้อมกับเปิดจุดผ่านแดนเพิ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะทุพภิกขภัย
นอกจากนี้คำสั่งศาลยังเรียกร้องให้อิสราเอล ที่เป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ดำเนินมาตรการตามอนุสัญญา ซึ่งรวมถึงการเพิ่มศักยภาพและจำนวนจุดผ่านแดนทางบก และเปิดจุดผ่านแดนนานเท่าที่จำเป็น
ศาล ICJ ยังเรียกร้องให้อิสราเอลให้ความมั่นใจว่า กองทัพจะไม่กระทำการที่เป็นการละเมิดสิทธิของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ในฐานะกลุ่มที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้อนุสัญญาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยให้มีผลปฏิบัติทันที และอิสราเอลจะต้องรายงานผลการปฏิบัติทุกมาตรการตามคำสั่งแก่ศาลภายในหนึ่งเดือน
ขณะที่มีคำเตือนจากหลายฝ่ายเพิ่มมากขึ้นกว่า จะเกิดภาวะทุพภิกขภัย หรือ การขาดแคลนอาหารอย่างกว้างขวางที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตในฉนวนกาซาได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ โดยรายงานฉบับหนึ่ง เตือนว่า ชาวปาเลสไตน์ทั้ง 2.2 ล้านคนในฉนวนกาซาจะเผชิญระดับการขาดความมั่นคงทางอาหารขั้นร้ายแรง และอาจเกิดภาวะทุพภิกขภัยทางตอนเหนือของฉนวนกาซาก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม
แต่ศาลโลก บอกว่า ภาวะทุพภิกขภัยได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยจากรายงานของผู้สังเกตการณ์ของสหประชาชาติ ระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์ 31 ราย ซึ่งเป็นเด็ก 27 ราย เสียชีวิตเนื่องจากขาดสารอาหารและขาดน้ำ
คาลโลกออกคำสั่งครั้งใหม่เพื่อตอบสนองตามข้อเรียกร้องของแอฟริกาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ยื่นฟ้องร้องต่อศาลเมื่อเดือนธันวาคม 2566 โดยกล่าวหาว่า อิสราเอลก่อคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา จากการใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่องในฉนวนกาซาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 และขอให้ศาลออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของกาซา เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลมากกว่า 32,000 ราย
ที่ผ่านมาอิสราเอลโต้แย้งว่า ข้อกล่าวหาเรื่องการกีดขวางขบวนขนส่งความช่วยเหลือไม่มีมูลความจริง และโทษว่า เป็นปัญหาของยูเอ็นเรื่องการแจกจ่ายความช่วยเหลือ พร้อมทั้งปฏิเสธข้อกล่าวหาละเมิดอนุสัญญาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
