บัตรเข้าร่วมงานครั้งนี้มีราคาตั้งแต่ 225-500,000 ดอลลาร์ โดยในงานมีการสนทนาระหว่างประธานาธิบดีทั้งสามคนกับสตีเฟน โคลเบิร์ต พิธีกรรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง และมีเหล่านักร้องคนดังร่วมงานอีกด้วย ผู้ซื้อบัตรราคา 100,000 ดอลลาร์จะได้ถ่ายภาพกับประธานาธิบดีทั้งสามคน และผู้ซื้อบัตรราคาสูงสุดจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดสุดพิเศษกับผู้นำทั้งสามคนอีกด้วย
แหล่งข่าวบอกด้วยว่า เกือบ 1 ใน 3 ของเงินบริจาค 25 ล้านดอลลาร์มาจากเงินของผู้บริจาครายย่อยที่บริจาค 200 ดอลลาร์หรือต่ำกว่านี้ผ่านทางออนไลน์ผ่านกิจกรรมสำหรับผู้สนับสนุนรากหญ้าที่จะได้พบกับประธานาธิบดีทั้งสามผ่านออนไลน์
ขณะนี้ไบเดนมีความได้เปรียบเรื่องเงินหาเสียงเลือกตั้งมากกว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีเงินบริจาคเพียง 37 ล้านดอลลาร์ แต่ทรัมป์ก็เคยพิสูจน์มาแล้วว่าไม่จำเป็นต้องมีเงินหาเสียงมากที่สุดเพื่อได้รับเลือกตั้ง ด้วยการชนะฮิลลารี คลินตัน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 โดยทรัมป์สร้างความได้เปรียบกว่าจากการใช้โซเชียลมีเดีย “ทวิตเตอร์” ในเวลานั้น ทำให้อยู่ในการจับตาของสื่อแทบทุกวันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย
แต่ลีออน พาเนตตา ซึ่งเคยทำงานในสมัยคลินตันและโอบามา โต้แย้งว่า ทั้งสองคนเป็นนักสื่อสารทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยเสริมให้ไบเดนได้รับเลือกตั้งอีกสมัย
ขณะที่มีกระแสข่าวด้วยว่า โอบามาจะเพิ่มบทบาทมากขึ้นในการเดินสายช่วยหาเสียงให้กับไบเดนอีกด้วย โดยอาจไปปราศรัยตามมหาวิทยาลัยและสนามเลือกตั้งสำคัญ ๆ
อย่างไรก็ตามไบเดนเผชิญการประท้วงของผู้ชุมนุมต่อต้านสงครามในฉนวนกาซาจำนวนหลายร้อยคน ที่เดินขบวนไปตามท้องถนนในย่านแมนฮัตตันก่อนไปรวมตัวที่ด้านนอกสถานที่จัดงานระดมเงินหาเสียง เพื่อต่อต้านไบเดนที่สนับสนุนอิสราเอล และเรียกร้องให้มีการหยุดยิง พร้อมทั้งประณามว่า ประธานาธิบดีของเดโมแครตทั้งสามคนล้วนเป็นอาชญากรสงคราม และบอกด้วยว่า จะไม่ลงคะแนนให้ไบเดนในวันเลือกตั้ง