ศพชาย 12 รายที่ถูกยิงในช่วงเช้าวันจันทร์ (18 มีนาคม) ได้รับการย้ายออกจาถนนสายหลัก และนอกปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในย่านเพชันวิลล์ ในแถบชานเมืองของกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวง ที่ถูกกลุ่มติดอาวุธควบคุมพื้นที่ 80% ของเมือง ศพถูกพบหลังจากมีมือปืนบุกปล้นบ้านเรือนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพหนี และบางคนโทรศัพท์ไปยังสถานีวิทยุเพื่อขอให้ตำรวจมาช่วยระงับเหตุ
ย่านเพชันวิลล์ ซึ่งเป็นย่านอาศัยของคนมีฐานะที่ดีกว่าพื้นที่อื่นของเมือง และค่อนข้างสงบในช่วงที่ผ่านมา แม้เกิดจลาจลและการนองเลือดทั่วกรุงปอร์โตแปรงซ์นับตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา แก๊งอาชญากรบุกโจมตีทั้งสนามบิน สถานีตำรวจ อาคารหน่วยราชการ รวมถึงสำนักงานกำกับดูแดลทัณฑสถาน ทั่วกรุงปอร์โตแปรงซ์
เหตุรุนแรงล่าสุดทำให้เกิดความกังวลยิ่งขึ้นว่า สถานการณ์ไร้ขื่อแปขณะนี้จะยังไม่อาจยุติได้ แม้ว่านายกรัฐมนตรีอาเรียล อองรี ประกาศเมื่อเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่แล้วว่า จะลาออกจากตำแหน่งทันทีที่มีกาประกาศจัดตั้งคณะบริหารชุดเปลี่ยนผ่าน แต่แก๊งอาชญากรหลายกลุ่ม ที่ต้องการโค่นล้มอองรี เตือนจะเกิดการสู้รบในเฮติ และขู่ไม่ให้นักการเมืองเข้าร่วมคณะบริหารชุดเปลี่ยนผ่าน โดยแก๊งใหญ่ที่สุดอยู่ภายใต้การนำของ จิมมี เชริซิเยร์ ที่มีฉายาว่า “บาร์บิคิว” เขาเป็นอดีตตำรวจชื่อดัง
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงว่า ผู้นำประเทศในกลุ่มแคริบเบียนใกล้ได้ข้อสรุปขณะพยายามช่วยจัดตั้งคณะบริหารชุดเปลี่ยนผ่านของเฮติ และหวังว่า การจัดตั้งดังกล่าวจะปูทางสู่การจัดเลือกตั้งอย่างเสรีและยุติธรรม และการประจำการของกองกำลังทหารจากนานาชาติเพื่อรักษาความมั่นคงในเฮติ
จลาจลและวิกฤตทางการเมืองในเฮติขณะนี้ทำให้หน่วยงานของสหประชาชาติ ตลอดจนสถานทูตสหรัฐฯ และสถานทูตแคนาดา ต้องอพยพเจ้าหน้าที่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากนี้สหรัฐฯ จัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำเที่ยวแรกอพยพชาวอเมริกันหลายสิบคนออกจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ โดยกลับไปถึงเมืองไมอามี รัฐฟลอริดาแล้วในวันอาทิตย์ (17 มีนาคม)
ส่วนชาวเฮติต้องอาศัยอยู่ด้วยความหวาดกลัว และยังประสบปัญหาขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำ และไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล สถานีย่อย 4 แห่งของโรงไฟฟ้าถูกทำลาย และไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้โรงพยาบาลหลายแห่งปิดบริการ ทำให้หญิงตั้งครรภ์ราว 3,000 คน เสี่ยงคลอดลูกโดยไม่ได้รับการทำคลอดอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ชาวบ้านเริ่มมีการรวมตัวตั้งกองกำลังเพื่อปกป้องชุมชน เช่น มีการจัดตั้งป้อม ระบบเวรยามเฝ้าระวัง ด่านตรวจ และลาดตระเวน โดยพวกเขามีเพียงมีดและมือเปล่า แต่ก็มีรายงานว่า พวกเขาฆ่าผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกแก๊งติดอาวุธ หรือจับกุมคนที่สงสัยเป็นสายให้กับแก๊ง
การตั้งขบวนการศาลเตี้ยในลักษณะนี้เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในปี 2566 โดยกองกำลังของชุมชนร่วมมือกับตำรวจสามารถขับไล่แก๊งมาเฟียแก๊งหนึ่งออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ
ด้านสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มกำลังทหารรักษาความปลอดภัยบริเวณแนวพรมแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือ หลังจากมีชาวเฮติหลั่งไหลข้ามจุดผ่านแดน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการเข้าไปซื้ออาหาร ยา และสิ่งของจำเป็นในตลาด