เนทันยาฮูโต้เดือด สว. สหรัฐฯ เมินกดดันให้เลือกตั้งใหม่
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ตอบโต้เสียงเรียกร้องของแกนนำวุฒิสภาสหรัฐฯ ที่บอกให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ยืนยันเดินหน้าบุกโจมตีเมืองราฟาห์ในฉนวนกาซา โดยไม่สนคำเตือนของสหรัฐฯ ส่อความสัมพันธ์แตกร้าวยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (17 มีนาคม) และตอบโต้เสียงวิจารณ์จากชัค ชูเมอร์ ซึ่งเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสังกัดพรรคเดโมแครต และเจ้าหน้าที่เชื้อสาวยิวที่มีตำแหน่งสูงสุดในสหรัฐฯ รวมถึงมีจุดยืนสนับสนุนอิสราเอลอย่างหนักแน่น
ชูเมอร์ กล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อวันพฤหัสบดี (14 มีนาคม) โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ซึ่งต่อต้านแนวคิดจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ เป็นหนึ่งในอุปสรรคของสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ และหากรัฐบาลของเขายังอยู่ในอำนาจ และดำเนินนโยบายที่อันตราย สหรัฐฯ อาจต้องมีบทบาทมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายของอิสราเอล เขายังกล่าวสนับสนุนให้อิสราเอลจัดการเลือกตั้งใหม่ และบอกด้วยว่า พวกหัวขวาจัดในอิสราเอล, กลุ่มฮามาส และประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาสของปาเลสไตน์ ก็ควรหลุดออกจากสมการนี้ด้วย มิฉะนั้นจะไม่มีทางเกิดสันติภาพได้
ขณะที่เนทันยาฮู บอกกับฟอกซ์นิวส์ว่า คำพูดของชูเมอร์ไม่เหมาะสมอย่างสิ้นเชิง และอิสราเอลไม่ใช่รัฐที่ไร้เสถียรภาพทางการเมือง รวมทั้งบอกว่า เป็นความผิดพลาดที่จะพยายามเปลี่ยนผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งในประเทศประชาธิปไตยที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ไม่ว่าในเวลาใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงคราม 
นอกจากนี้เขายังตอบโต้เสียงเตือนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยจากสหรัฐฯ และนานาชาติ ไม่ให้อิสราเอลเปิดฉากบุกภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ของฉนวนกาซา ที่มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอย่างแออัดกว่า 1 ล้านคน โดยเขาบอกว่า เป็นเรื่องน่าขัน เพราะหากปล่อยให้นักรบฮามาสและผู้ก่อการร้ายหลงเหลืออยู่ในราฟาห์ ก็จะทำให้สามารถรวมตัวและครอบครองกาซาได้อีก และอาจบุกอิสราเอลได้อีก ซึ่งจะทำให้เกิดการสังหารหมู่ซ้ำรอยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และเขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องชนะฮามาสอย่างเด็ดขาดเท่านั้น และจะจบภารกิจนี้ให้สำเร็จ
เนทันยาฮู ยังกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยว่า การโจมตีราฟาห์จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ พร้อมกับตอบโต้เสียงวิจารณ์ยองนานาชาติที่ให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเขาบอกว่า เป็นความพยายามหยุดยั้งสงคราม และจะทำให้ประเทศชะงักงันอย่างน้อย 6 เดือน
