วาเลนไทน์ปีนี้ ซื้อ "ช็อกโกแลต" แบบไหน ไม่ทำร้ายโลก

เข้าสู่เดือนแห่งความรักกับวันวาเลนไทน์ที่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ สิ่งที่หลายคนน่าจะเริ่มมองหาเพื่อนำมาเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ นอกจากช่อดอกไม้สวยๆแล้ว ก็คงเป็น "ช็อกโกแลต" ขนมหวานที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมาเนิ่นนาน

แต่เคยสังเกตกันไหมว่าทุกวันนี้ช็อกโกแลตมีราคาแพงขึ้นจนน่าตกใจ หรือบางแบรนด์ก็เริ่มมีการปรับลดปริมาณลงโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว นั่นก็เพราะว่าอุตสาหกรรมช็อกโกแลตทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบหนักจากโลกร้อนอย่างหนัก

เนื่องจากการปลูก “ต้นโกโก้” วัตถุดิบหลักในการทำช็อกโกแลตนั้น ต้องการความใส่ใจอย่างละเอียดอ่อน เช่น การปลูกในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสม่ำเสมอ มีความชื้นสูง มีฝนตกชุก ต้องการดินที่อุดมด้วยไนโตรเจน และการปกป้องจากลมเพื่อให้ลำต้นได้เจริญเติบโตอย่างเต็มที่

ที่กล่าวมาคือระบบนิเวศที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกต้นโกโก้ ซึ่งเราเรียกกันว่า "ป่าฝน" โดยเฉพาะป่าฝนใน โกตดิวัวร์ กานา และอินโดนีเซีย ซึ่งช็อกโกแลตมากกว่าครึ่งของทั่วโลกมีที่มาจากประเทศเหล่านี้

แต่ปัจจุบันโลกของเรามีอุณหภูมิที่สูงขึ้นทุกปี ทำให้พื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสมกับต้นโกโก้เริ่มลดลง ผลผลิตที่ได้ก็น้อยลงตามไปด้วย เกษตรกรจึงต้องมองหาพื้นที่ที่อยู่ลึกเข้าไปในป่ามากกว่าเดิม กลายเป็นว่าประเทศที่ปลูกโกโก้เป็นพืชเศรษฐกิจ อาจต้องเลือกระหว่างการอนุรักษ์ป่าแต่ผลผลิตลดลง กับการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อหาที่ปลูกโกโก้

แน่นอนว่าหากเลือกเส้นทางการตัดไม้ทำลายป่า ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้โลกร้อนมากขึ้น ลงเอยด้วยปัญหาเดิมของการปลูกโกโก้ เป็นวงจรวนเวียนไม่สิ้นสุด

ตอนนี้บริษัทผู้ผลิตช็อกโกแลตหลายแห่งเลยพยายามเสาะหาเส้นทางใหม่ ด้วยการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อการวิจัยตัดต่อพันธุกรรม ให้ต้นโกโก้มีความสามารถทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดีขึ้น ซึ่งหากทำสำเร็จ ก็อาจจะนำไปปรับใช้กับพืชเกษตรอื่นๆได้ด้วย

ระหว่างนี้หากใครยังอยากซื้อช็อกโกแลต แต่ก็อยากมีส่วนช่วยกู้โลกด้วย มีวิธีที่ง่ายนิดเดียว คือการมองหาแบรนด์ช็อกโกแลตที่มีฉลาก 'Rainforest Alliance' หรือ  'Fairtrade' เพื่อยืนยันว่ามาจากต้นโกโก้ที่ปลูกอย่างเป็นมิตรต่อธรรมชาติ หรือจะเป็นฉลาก ‘organic’ ที่ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชก็ได้เหมือนกัน

ได้กินช็อกโกแลตแสนอร่อยแล้วก็อย่าลืมช่วยกันลดโลกร้อน เพื่อให้ช็อกโกแลตที่เรารักกลับมามีราคาถูกลงอีกครั้งนึง