svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สื่อนอกตั้งคำถามเหตุใด "น้องดอม" จึงจบชีวิตตัวเอง

แท็บลอยด์เดลีเมลของอังกฤษ รายงานเป็นการตั้งคำถามว่าเหตุใด นายดวงเพชร พรหมเทพ "น้องดอม" วัย 17 ปี หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากถ้ำหลวงฯ ถึงจบชีวิตตัวเองที่สถาบันด้านฟุตบอลในอังกฤษ และเหตุใดโทรศัพท์มือถือของเขาถึงถูก "ทำความสะอาด" ตอนที่ตำรวจส่งคืนให้ครอบครัว

เดลีเมลตั้งข้อสังเกตว่า น่าแปลกที่โทรศัพท์มือของเด็กหนุ่มถูก "ทำความสะอาด" ตอนที่ถูกส่งคืนให้ครอบครัวพร้อมกับของใช้ส่วนตัว ทำให้ไม่เหลือข้อความสุดท้ายที่จะให้ความกระจ่างใด ๆ ไม่มีบันทึกการโทรศัพท์ คลิปวิดีโอหรือรูปภาพ ที่พอจะเป็นเบาะแสว่าเหตุใดนักฟุตบอลวัย 17 ปี ถึงจบชีวิตตัวเองอยู่ในหอพักของ "บรู้ค เฮาส์ คอลเลจ ฟุตบอล อคาเดมี" (Brooke House College Football Academy) สถาบันฟุตบอลอันทรงเกียรติในเมืองเลสเตอร์ แห่งมณฑลเลสเตอร์เชอร์ ในเวลาเพียง 5 ปี หลังจากได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนในประเทศไทย ที่ถูกน้ำท่วมเมื่อปี 2561 ภายใต้ปฏิบัติการกู้ภัยที่กล้าหาญ และการเฝ้าดูด้วยความหวาดวิตกจากผู้คนหลายล้านทั่วโลก

การสอบสวนไปสู่การเสียชีวิตของ "น้องดอม" ที่ไม่มีครอบครัว, เพื่อน หรือแม้กระทั่งสื่อมวลชนเข้าร่วม ก็ยิ่งไม่ช่วยให้คดีปริศนานี้กระจ่างขึ้นเช่นกัน ซึ่งแถลงการณ์ที่ออกเมื่อเดือนที่แล้ว แคทเธอรีน เมสัน เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านชันสูตรศพของเมืองเลสเตอร์ ระบุว่าเด็กชายที่รอดชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ในถ้ำ พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอีก 11 คน และโค้ช ถูกพบว่าหมดสติที่วิทยาลัยบรู้คเฮาส์ในมาร์เก็ต ฮาร์โบโรห์ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 แม้จะมีความพยายามช่วยชีวิตเขา แต่เขาก็ไปเสียชีวิตในโรงพยาบาลในอีก 2 วันต่อมา เมสันได้แจ้งสาเหตุของอาการบาดเจ็บของน้องดอมด้วย แต่เดลีเมลเลือกที่จะไม่รายงาน

สื่อนอกตั้งคำถามเหตุใด "น้องดอม" จึงจบชีวิตตัวเอง

เมสันบอกด้วยว่า น้องดอมไม่มีประวัติเข้ารับการปรึกษาด้านสุขภาพจิต และไม่ทราบแรงจูงใจว่าทำไมจึงตัดสินใจเช่นนั้น มันไม่สามารถคาดการณ์หรือป้องกันได้ ตำรวจไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม หรือสถานการณ์ที่น่าสงสัย ส่วนทางวิทยาลัยก็เลือกที่จะไม่อธิบายว่าพอจะมีคำตอบหรือไม่ ว่าเหตุใดน้องดอมจึงดิ่งลงสู่ความสิ้นหวังในเวลาเพียง 5 เดือน หลังจากได้รับทุนฟุตบอลอังกฤษที่เป็นความฝันของเขา

เอียน สมิธ อธิการบดีของวิทยาลัย กล่าวเพียงว่าเขาจะไม่พูดเรื่องนี้ต่อสาธารณะ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อน้องดอมและความปรารถนาของครอบครัว เขาเน้นย้ำถึง "คุณภาพระดับสูงของการดูแล สวัสดิการ และการคุ้มครองนักศึกษา" และย้ำด้วยว่าการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

สื่อนอกตั้งคำถามเหตุใด "น้องดอม" จึงจบชีวิตตัวเอง

เดลีเมลตั้งคำถามว่า เรื่องราวอันสะเทือนใจนี้ไม่ควรที่จะหลุดลอยไปเงียบ ๆ ใช่ไหม? คงต้องอธิบายอะไรบ้าง เกี่ยวกับการจบชีวิตอย่างโดดเดี่ยวของเด็กหนุ่มที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางแสงคบเพลิงของผู้ช่วยชีวิต ที่สัมผัสใจคนนับล้านในช่วงฤดูร้อนปี 2561 วัยรุ่นคนหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่คาดฝัน ได้ฟื้นความเชื่อของเราในเรื่องความไม่ย่อท้อของจิตวิญญาณมนุษย์

เดลีเมลได้สัมภาษณ์เพื่อนสนิทของน้องดอมทั้งในประเทศไทยและอังกฤษเพื่อค้นหาคำตอบ บางทีความเป็นไปได้ที่ชัดเจนอาจจะเกิดจากภาวะบอบช้ำ จากประสบการณ์ติดถ้ำที่เปียกชื้น และเสียงที่ก้องกังวาลที่สลัดไม่หลุด ขณะที่หนึ่งในภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับปฏิบัติการช่วยชีวิตนักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่าออกจากถ้ำฯ "โค้ชเอก" หรือเอกพล จันทะวงษ์ ยอมรับว่าในวันที่ 9 ของการติดถ้ำ พวกเขาใกล้จะอดตายก็มีคนพูดขึ้นมาว่า "ใครตายก่อนจะถูกกิน" คนนั้นยังพูดต่อด้วยว่า "ถ้าใครตาย คนนั้นจะต้องกลายเป็นอาหาร เพื่อให้เพื่อน ๆ มีชีวิตรอด" เด็ก ๆ ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการประสาทหลอนที่น่าสะพรึงกลัว การทนรออย่างเจ็บปวดใจว่าจุดจบของพวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่และอย่างไร และประสบการณ์นี้ยังตามหลอนน้องดอมอยู่หรือไม่ 

สื่อนอกตั้งคำถามเหตุใด "น้องดอม" จึงจบชีวิตตัวเอง

หนึ่งในไม่กี่คนที่รู้จักน้องดอมหลังจากที่เขาไปถึงอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยในมาร์เก็ต ฮาร์โบโรจ์ (Market Harborough) ที่เขามักจะไปกินข้าวกับเพื่อนชาวไทยกลุ่มเล็ก ๆ เวลาไปที่ร้านน้องดอมมักจะคุยกับคุณเล็กกี้ (Lekky) เจ้าของร้าน ซึ่งเธอบอกว่าในขณะที่เขา "ดูมีความสุขและปกติ" แต่ก็พยายามอย่างหนักที่จะซ่อนความทุกข์ทรมาน มรดกตกทอดแห่งความเจ็บปวดของเขาก็คือ "การต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับสุขภาพจิตของเขา"

"การติดอยู่เป็นเวลานานและไม่รู้ว่าคุณจะรอดหรือตาย มันย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของคุณในอนาคต"

คุณเล็กกี้บอกว่า

"เขามาอังกฤษเพียงลำพัง ด้วยความหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่า แต่เขาไม่มีครอบครัวที่นี่และเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มที่ผ่านบาดแผลทางจิตใจมา ซึ่งฉันเชื่อว่านั่นคือสาเหตุของความทุกข์ทรมานของเขา และอาจเป็นเพราะที่นี่อาจจะไม่มีใครช่วยและแนะนำเขาเลย"

สื่อนอกตั้งคำถามเหตุใด "น้องดอม" จึงจบชีวิตตัวเอง

แต่สำหรับอดีตเพื่อนร่วมทีมหมูป่าของน้องดอม 2 คน  คือ "บิว" หรือ นายเอกรัตน์ วงศ์สุขจันทร์ วัย 19 ปี บอกว่า

"ประสบการณ์ของเราไม่ส่งผลต่อชีวิตของเราในตอนนี้ และเขา (น้องดอม) ก็ไม่ได้แสดงความเครียดเมื่อกลับมาที่นี่"

เขาบอกด้วยว่าหลังจากออกจากถ้ำ ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือด้านจิตใจเลย

"เราไม่ต้องการมัน เราก็แค่ออกมาใช้ชีวิตตามปกติ"

ส่วน "ตี๋" หรือนายพรชัย คำหลวง บอกว่าทีมได้กลับเข้าไปในถ้ำอีกหลายครั้งหลังจากได้รับการช่วยเหลือ ขัดแย้งกับทฤษฎีที่ว่าพวกเขาเป็น "PTSD" (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือ โรคจิตเภทชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากสภาวะจิตใจของผู้ป่วย ที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์เลวร้าย

สื่อนอกตั้งคำถามเหตุใด "น้องดอม" จึงจบชีวิตตัวเอง

เดลีเมลระบุว่า น้องดอมมีฐานะดีกว่าเพื่อน ๆ ในทีมหมูป่าเล็กน้อย เพราะพ่อแม่ของเขาเปิดแผงขายของในตลาด เขาถูกเลี้ยงดูมาในบ้านที่เรียบง่ายที่แม่สาย ซึ่งถ้าไม่อุทิศตนให้กับทีมฟุตบอลหมูป่า พวกเขาอาจถูกดูดเข้าไปในแก๊งค้ายาหลังจากออกจากถ้ำ ได้ทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยน สตรีมเมอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix ได้ทำภาพยนตร์เกี่ยวกับพวกเขาจำนวน 6 ตอน และยังจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ด้วย และแม้จะโด่งดังแต่พวกเขาส่วนใหญ่ยังใช้ชีวิตปกติ 

นอกจากน้องดอมที่ได้ทุนการศึกษาจากมูลนิธิซิโก ( Zico Foundation) แล้ว มีอีกคนที่ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมากคือ อดุลย์ สามอ่อน ผู้ที่สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกับนักดำน้ำที่เข้าไปช่วย ได้เข้าเรียนต่อที่ "เดอะ มาสเตอร์ส สคูล" (The Master Schoo) ในเมืองด็อบบ์ส เฟอร์รี รัฐนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ หลังครูใหญ่เห็นข่าวเขาทางโทรทัศน์ ซึ่งอดุลย์ กำลังตั้งใจศึกษา "สาขาพรีเมดิคัล" (PreMedical) หรือ หลักสูตรการศึกษาก่อนเข้าแพทยศาสตร์ ที่จะต้องใช้เวลาเรียนและเป็นแพทย์ฝึกหัดเกือบ 10 ปี