สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โหวตปลดประธานครั้งแรกในประวัติศาสตร์

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติด้วยเสียง 216 ต่อ 210 เสียงขับนายเควิน แมคคาร์ธี พ้นจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอังคาร (3 ตุลาคม) ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่มีการปลดประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยส.ส. พรรครีพับลิกัน 8 คน โหวตขับแมคคาร์ธี ร่วมกับส.ส. พรรคเดโมแครตอีก 208 เสียง ทำให้เขามีเสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง

แมต แกตซ์ ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐฟลอริดา ที่เป็นหัวหอกผลักดันการขับแมคคาร์ธี โพสต์ในโซเชียลมีเดียก่อนการลงมติว่า เมื่อแมคคาร์ธีไม่สามารถแสดงจุดยืนในเรื่องสำคัญได้ เขาจะเป็นคนทำเอง  เขากล่าวหาว่า แมคคาร์ธีทรยศต่อพรรคจากการประนีประนอมกับพรรคเดโมแครต ในการผ่านงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลเพียงไม่กี่นาทีก่อนเส้นตายเมื่อคืนวันเสาร์ 

ผลการโหวตครั้งนี้ตอกย้ำถึงความแตกแยกที่ร้าวลึกยิ่งขึ้นภายในพรรครีพับลิกัน โดยฝ่ายขวาจัดขัดแย้งกับแมคคาร์ธีหลายครั้งแล้ว นับตั้งแต่เขารับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรในเดือนมกราม ขณะที่พรรครีพับลิกันยังไม่มีตัวเลือกชัดเจนที่จะเข้ารับตำแหน่งแทน และแมคคาร์ธีประกาศแล้วว่า จะไม่ลงชิงตำแหน่งอีกครั้ง

จริง ๆ แล้ว สัญญาณความขัดแย้งระหว่างแมคคาร์ธีและกลุ่มขวาจัดเด่นชัดขึ้นตั้งแต่ตอนการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยแมคคาร์ธีเผชิญการลงมติถึง 15 รอบกว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนมากพอ

แมคคาร์ธี แถลงข่าวหลังการลงมติ โดยยืนยันทำสิ่งที่ถูกต้องในการสนับสนุนการผ่านงบระยะสั้นเพื่อเลี่ยงชัตดาวน์ว่า “การทำสิ่งถูกต้องไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งจำเป็น ผมไม่เสียใจที่ยืนหยัดเลือกรัฐบาลก่อนความไม่พอใจ มันเป็นความรับผิดชอบของผม หน้าที่ของผม ผมไม่เสียใจที่เจรจา”

เขากล่าวด้วยว่า “ผมถูกเลี้ยงดูมาให้แก้ไขปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา แม้ผมอาจแพ้โหวตในวันนี้ แต่เมื่อผมเดินออกจากห้องประชุม ผมรู้สึกโชคดีที่ได้รับใช้ประชาชนชาวอเมริกัน”

นอกจากนี้เขาประกาศจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง และอาจจะสนับสนุนผู้ที่จะลงชิงตำแหน่ง แต่ไม่ได้บอกว่า เขาจะยังคงเป็นส.ส.ในสภาต่อไปหรือไม่ และตอบคำถามนี้โดยบอกแค่ว่า “จะไปคิดดู”
ด้านโฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความหวังว่า สภาผู้แทนราษฎรจะสามารถเลือกประธานคนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และย้ำว่า ประเทศมีความท้าทายเร่งด่วนที่ไม่อาจรอได้ และประชาชนชาวอเมริกันควรมีผู้นำที่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาเป็นหลัก และเมื่อสภาผู้แทนราษฎรเลือกประธานคนใหม่ได้ ประธานาธิบดีไบเดนก็พร้อมร่วมทำงานกับสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อแก้ไขปัญหาของชาวอเมริกัน