สื่อทางการลิเบีย รายงานเมื่อคืนวันจันทร์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวในบริเวณเทือกเขาไฮแอตลาสเมื่อคืนวันศุกร์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 2,862 ราย และผู้บาดเจ็บ 2,562 ราย โดยจังหวัดอัล ฮาอูซ มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 1,604 ราย และทางการท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัยที่ยังยากจะเข้าถึง ยังไม่อาจประเมินตัวเลขผู้สูญหายได้
ขณะที่ทหารและทีมกู้ภัยยังคงพยายามค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพัง แต่ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะพบผู้รอดชีวิต เพราะบ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐ และเมื่อพังถล่มจึงเกิดฝุ่นจำนวนมาก ทำให้ไม่มีพื้นที่ว่างให้มีอากาศเพียงพอหายใจ
ขณะนี้ทีมกู้ภัยจากทั้งสเปน อังกฤษ กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เข้าร่วมสนับสนุนกองทัพและหน่วยกู้ภัยของโมร็อกโก ในปฏิบัติการค้นหากู้ภัยครั้งใหญ่ หลังจากแรงสั่นสะเทือนขนาด 6.8 แมกนิจูด ทำให้บ้านเรือนที่สร้างจากอิฐพังราบเป็นหน้ากลอง นอกจากนี้หน่วยกู้ภัยไร้พรมแดน เปิเผยว่า ทีมกู้ภัยราว 3,500 คน พร้อมให้ความช่วยเหลือหากได้รับการร้องขอ และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ เดินทางถึงลิเบียตั้งแต่คืนวันอาทิตย์แล้ว แต่หน่วยกู้ภัยต่างชาติเหล่านี้ยังรอการร้องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลลิเบีย จึงจะเข้าร่วมภารกิจได้
แต่ทางการลิเบียแจ้งขอรับความช่วยเหลือการกู้ภัยจากเพียง 4 ชาติ โดยให้เหตุผลว่า การขาดการประสานงานที่ดีอาจส่งผลกระทบในทางตรงกันข้าม และสื่อรายงานว่าอาจเป็นเพราะโมร็อกโกเคยมีบทเรียนจากแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงร้อยกว่าในปี 2547 ที่ได้รับการสนับสนุนจากทีมกู้ภัยนานาชาติจำนวนมาก เกินกว่าสนามบินและถนนที่พังเสียหายไปยังพื้นที่ประสบภัยจะรองรับไหว
ขณะที่ผู้ประสบภัยในหลายหมู่บ้านยังคงต้อนนอนกลางแจ้งเป็นคืนที่ 4 และกำลังรอคอยความช่วยเหลือ โดยบางพื้นที่เพิ่งมีการจัตตั้งเตนท์รองรับผู้ประสบภัยเมื่อคืนวันจันทร์ และกองทัพกำลังเร่งนำน้ำดื่ม อาหาร เตนท์ และผ้าห่มไปแจกจ่ายในพื้นที่ประสบภัย
ด้านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศประกาศระดมเงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดสรรความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยในโมร็อกโก ก่อนหน้านี้ก็มีหลายประเทศประกาศจะให้เงินช่วยเหลือและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่โมร็อกโก
ขณะที่โบราณสถานหลายแห่งทั้งในเมืองมาร์ราเกช และพื้นที่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวได้รับความเสียหายอย่างหนัก เช่น มัสยิดทินเมล ที่สร้างในศตวรรษที่ 12 ที่สร้างด้วยดินและหิน ในหมู่บ้านทินเมล ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว นอกจากนี้มัสยิดขนาดเล็กใจกลางย่านเมดินา ซึ่งเป็นย่านเมืองโบราณของเมืองมาร์ราเกช ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง
ย่านเมดินาของมาร์ราเกช ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงที่สร้างจากดินทรายสีแดง และแผ่นดินไหวทำให้ส่วนใหญ่ของกำแพง และอาคารเก่าแก่จำนวนมากได้รับความเสียหายหรือพังทลายทั้งหมด