เทปโก รายงานด้วยว่า จนถึงเวลา 17.00 น. ของวันอาทิตย์ มีการปล่อยน้ำลงสู่มหาสมุทรแปซิกรวม 1,420 ตันแล้ว นับจากเริ่มระบายน้ำผ่านอุโมงค์ใต้ทะเลตั้งแต่วันพฤหัสบดี และยืนยันว่า อุปกรณ์การปล่อยน้ำทำงานได้อย่างปกติ และผลการตรวจตัวอย่างน้ำทะเลยังไม่พบความผิดปกติของระดับสารกัมมันตรังสีในน้ำ
น้ำที่ใช้หล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงหลังวิกฤตเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลายในปี 2554 ถูกเจือจางด้วยน้ำฝนและน้ำบาดาล และถูกเก็บในถังขนาดใหญ่มากกว่า 1,000 ถัง รวมปริมาณมากถึง 1.34 ล้านตัน และคาดว่า การปล่อยน้ำทั้งหมดลงทะเลอาจใช้เวลาอย่างน้อย 30 ปี
น้ำดังกล่าวผ่านการบำบัดจนกำจัดสารกัมมันตรังสีได้เกือบหมดแล้ว ยกเว้น ทริเทียม และก่อนการปล่อยน้ำลงทะเล มีการเจือจางให้ระดับทริเทียมเหลือเพียงเกือบ 1 ใน 7 ของปริมาณทริเทียมระดับปลอดภัยที่พบน้ำดื่มตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก
นอกจากนี้กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น แถลงในวันอาทิตย์เกี่ยวกับผลการสุ่มตรวจตัวอย่างน้ำทะเลว่า ปริมาณทริเทียมที่พบอยู่ในระดับที่ต่ำจนไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
กระทรวงฯ เก็บตัวอย่างน้ำจาก 11 จุดห่างจากโรงไฟฟ้าราว 40 กม. เมื่อวันศุกร์ และพบระดับทริเทียมในทั้ง 11 จุด ไม่ถึง 10 เบ็กเคอเรลต่อลิตร ซึ่งเป็นขั้นต่ำที่สามารถตรวจวัดได้ ขณะที่ผลการตรวจสอบก่อนการปล่อยน้ำผ่านการบำบัดลงทะเล ตัวอย่างน้ำมีระดับทริเทียมสูงสุดที่ 0.14 เบ็กเคอเรลต่อลิตร และจะมีการตรวจวิเคราะห์ที่ละเอียดมากกว่านี้ต่อไป นอกจากนี้กระทรวงฯ มีแผนรายงานผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำทุกสัปดาห์
และสำนักงานการประมงยังจับปลาในบริเวณดังกล่าวมาตรวจสอบด้วย และพบทริเทียมในระดับต่ำเกินกว่าจะตรวจวัดได้