
นายพล อับดูราฮามาเน ชีอานี หรือที่รู้จักกันในชื่อ โอมาร์ ชีอานี ผู้บัญชาการกองกำลังอารักขาประธานาธิบดีของไนเจอร์ ได้แถลงผ่านทางโทรทัศน์ในวันที่ 28 ก.ค. เพื่อประกาศแต่งตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ หลังก่อนหน้านี้ตัวเขาได้เป็นผู้นำการก่อรัฐประหารที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพุธที่ 26 ก.ค. ก่อนจะมีการควบคุมตัวประธานาธิบดีโมฮัมหมัด บาซูม และปลดออกจากตำแหน่ง แต่ยืนยันว่าเขายังคงมีสุขภาพแข็งแรงดีระหว่างที่ยังถูกควบคุมตัวจนถึงตอนนี้
โดยนายบาซูม อายุ 63 ปี คือผู้นำไนเจอร์คนแรกที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2564 นับตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชเมื่อปี 2503 เขายังได้รับการยอมรับในฐานะพันธมิตรที่สำคัญของชาติตะวันตก ในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามในภูมิภาค
ส่วนนายพลชีอานี วัย 62 ปี เป็นผู้รับหน้าที่อารักขาผู้นำประเทศมาตั้งแต่ปี 2554 และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลโดยอดีตประธานาธิบดี มาฮามาดู อีซูฟู ในปี 2561 อ้างว่าการก่อรัฐประหารเพื่อเข้ายึดครองประเทศครั้งนี้ เพราะมองเห็นปัญหาหลายอย่างในไนเจอร์ ทั้งความไม่มั่นคง เศรษฐกิจตกต่ำ และการทุจริต และยืนยันว่ารัฐบาลทหารจะยังปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีร่วมกับประเทศพันธมิตร รวมถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน ล่าสุดเขายังพบปะกับบรรดารัฐมนตรีเพื่อกดดันให้ยอมร่วมมือกับระบอบการปกครองใหม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม การรัฐประหารครั้งนี้ถูกประณามอย่างรอบด้านจากองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสหภาพแอฟริกา ประชาคมเศรษฐกิจแห่งชาติแอฟริกาตะวันตก(Ecowas)สหภาพยุโรป และสหประชาชาติ ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของไนเจอร์ ระบุว่า จะไม่ให้การยอมรับผู้นำที่มาจากการก่อรัฐประหาร และจะยอมรับนายบาซูมเป็นประมุขแห่งรัฐเท่านั้น ทั้งยังเรียกร้องให้คืนอำนาจแก่ผู้นำพลเรือนที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยทันที
ส่วนประชาชนไนเจอร์เริ่มกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ ร้านค้าและภาคธุรกิจส่วนใหญ่เตรียมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการยังคงได้รับคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว โดยมีประชาชนหลายคนแสดงความเห็นว่า ความไม่มั่นคงในประเทศไม่ได้รุนแรงมากพอที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร แต่ก็มีหลายคนที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร ร่วมก่อเหตุบุกเผาทำลายสำนักงานใหญ่ของพรรครัฐบาลจนได้รับความเสียหาย