การคุยกันทางโทรศัพท์ยาวนานเป็นชั่วโมงของผู้นำจีนและยูเครน มีขึ้นหลังจากเมื่อสองเดือนก่อน ฝั่งจีนแสดงความต้องการเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ และหนึ่งเดือนถัดจากนั้น ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน ก็เดินทางเยือนรัสเซีย สองผู้นำจีนและยูเครนคุยกันยังมีขึ้นในช่วงที่มีการบ่งชี้ว่า ยูเครนกำลังเตรียมกองกำลังชุดใหญ่ปฏิบัติการต่อต้านในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้
การคุยกันครั้งนี้ ดูจะสร้างความลิงโลดให้แก่ผู้นำยูเครนอย่างมาก ที่ได้เสนอแนวคิดของตัวเองลงไปในการเจรจาระหว่างจีนกับรัสเซียที่มีขึ้นก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย พยายามดึงผู้นำจีนให้เข้ามาแนบชิด เพื่อทานอำนาจกับสหรัฐที่ไปเข้าข้างยูเครน
เซเลนสกี ยังโพสต์ในเฟสบุ๊กว่า เขาเชื่อว่าการคุยกันกับผู้นำจีนครั้งนี้ รวมถึงการแต่งตั้งทูตยูเครนประจำประเทศจีน จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ในเว็บไซต์ของเซเลนสกี ยังพูดถึงการคุยกันว่า ก่อให้เกิดผลอย่างมาก ปูทางไปสู่ความเป็นไปได้ที่จะมีสันติภาพในยูเครนแบบยั่งยืน
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงว่า จุดยืนของจีนคือเอื้ออำนวยให้เกิดการเจรจาเพื่อสันติภาพ และจะส่งทูตซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย เดินทางไปยูเครน เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาทางการเมือง การเคารพอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนระหว่างกัน ถือเป็นรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับยูเครน ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเป็นไปในทางไหน จีนจะร่วมมือกับยูเครนพัฒนาผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ถ้อยแถลงของทางการจีนเป็นไปเพื่อแสดงความชัดเจนว่า จีนจะผูกสัมพันธ์กับยูเครนยาวนานแน่ ทั้งยังมีขึ้นหลังจากเซเลนสกี ยืนกราน หัวเด็ดตีนขาด ก็จะต้องได้ผืนแผ่นดินยูเครนกลับมาทั้งหมด
แต่นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์ก ยังสงสัยเรื่องแนวโน้มสันติภาพที่จีนกับยูเครนพูดถึง เพราะแถลงการณ์จากฝั่งจีน ไม่ได้เรียกร้องให้รัสเซียถอนการยึดครองพื้นที่ยูเครน หรือตราหน้ารัสเซียว่าเป็นผู้บุกรุก และยังอ้างถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นแค่วิกฤติปัญหา แทนที่จะใช้คำว่า สงคราม
ส่วนนักวิเคราะห์จากฝั่งสหรัฐอีกคน ก็มองตรงกันว่า แถลงการณ์จากจีน ไม่ได้อ้างถึงว่า ให้กองทัพรัสเซียต้องถอนทหารออกไป ซึ่งถือเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญ ถ้าไม่ทำตรงนี้ให้สำเร็จ ก็คงยุติสงครามไม่ได้ และมีแนวโน้มว่า การตัดสินใจต่างๆ คงทำตามหน้างานอีกเช่นเคย
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ก็ชื่นชมที่จีนมีความพร้อมจะจัดการเจรจาสันติภาพ แต่ดูเหมือนว่า ยูเครนน่าจะไม่ยอมร่วมมือด้วย
ขณะที่โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ก็มองว่า การคุยกันระหว่างผู้นำจีนและยูเครน นับเป็นพัฒนาการในเชิงบวก โดยที่สีจิ้นผิง ต้องรับฟังทัศนคติของยูเครนบ้าง ในประเด็นการบุกรุกเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย
มีการคาดหมายมานานหลายสัปดาห์แล้วว่า ผู้นำจีนกับยูเครนจะโทรศัพท์คุยกัน หลังจีนเสนอมา 12 ข้อเพื่อยุติการสู้รบ แม้ว่าจะไม่ได้ระบุรายละเอียดมากเท่าใดนัก และจนบัดนี้ ทั้งรัสเซียและยูเครน ก็ยังห่างไกลจากคำว่า สันติภาพ
รัสเซียต้องการให้ยูเครนยอมรับการที่รัสเซียผนวกรวมคาบสมุทรไครเมีย และอีกหลายพื้นที่ของยูเครน ทั้ง Donetsk, Kherson, Luhansk และ Zaporizhzhia ทั้งที่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกมองว่า มันคือสิ่งผิดกฎหมาย ขณะที่ยูเครนก็ปฏิเสธการเจรจากับรัสเซียจนกว่ารัสเซียจะยอมถอนกำลังออกจากพื้นที่ยึดครองทั้งหมด