
นับตั้งแต่หม่า ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของจีน วิพากษ์วิจารณ์กฎหมายและระเบียบการเงินการธนาคารของจีน ที่กำหนดโดยพรรคคอมมิวนิสต์ ว่า "ไม่สอดคล้อง" กับบรรทัดฐานระหว่างประเทศ และทางการเข้าไปมี "มีบทบาท" มากเกินไป เมื่อปี 2563 เขาก็หายหน้าไป ขณะที่แอนท์ กรุ๊ป (Ant Group) ผู้ให้บริการนวัตกรรมการเงินยักษ์ใหญ่ ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งได้ถูก "ถอดปลั๊ก" แผนเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป หรือ IPO แต่วิบากกรรมของหม่าในจีน ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะอาลีบาบาถูกสั่งปรับอีก 2,750 ล้านดอลลาร์ (ราว 94,000 ล้านบาท) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ในข้อหา "ผูกขาด" ด้วยนโยบาย "Choose one" ที่บีบให้ร้านค้าเลือกแพลตฟอร์มที่จะขายเพียงเจ้าเดียว ทำให้อาลีบาบาที่มีขนาดธุรกิจใหญ่กว่าที่อื่นได้เปรียบ นำไปสู่การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
แหน่งศาสตราจารย์มีวาระ 3 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2569 และขณะนี้เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยได้แสดงโปรไฟล์ของหม่า ที่เน้นถึงความเชี่ยวชาญของเขาในด้าน "การจัดการและกลยุทธ์" (management and strategy)
ด้านสื่อฮ่องกง เซาธ์ ไชนา มอร์นิ่ง โพสต์ ที่อยู่ในเครืออาลีบาบา รายงานว่า หม่าไม่มีแผนที่จะบรรยายหรือกล่าวสุนทรพจน์ในที่สาธารณะ" โดยมูลนิธิแจ็ค หม่า (The Jack Ma Foundation) องค์กรการกุศลที่หม่าก่อตั้งเมื่อปี 2557 เปิดเผยว่า หลังจากห่างหายไปจากโลกแห่งการศึกษา หม่าก็ตั้งตารอที่จะกลับมาใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ซึ่งหม่าเคยเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยหางโจว เตี้ยนซี่ ในมณฑลเจ้อเจียง นาน 8 ปี ก่อนจะก่อตั้งอาลีบาบา ในปี 2558 เขาได้ก่อตั้งศูนย์ผู้ประกอบการในเจ้อเจียง ร่วมกับนักธุรกิจชาวจีนรุ่นใหญ่อีกหลายคน ซึ่งเดิมมีชื่อว่า "มหาวิทยาลัยหูปัน" แต่คำว่า "มหาวิทยาลัย" ถูกลบออกไป เมื่อปี 2564 ซึ่งเกี่ยวโยงกับเรื่องที่หม่าวิจารณ์ "ผู้คุ้มกฎ" ของจีน
ในช่วงที่เขาหายหน้าไปในจีน เขาก็ไปปรากฎตัวในหลายพื้นที่ทั่วโลก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้่งเกาะมายอร์กาของสเปน และมีรายงานเขาไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ เมื่อปี 2565