
วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รายงานว่าวัยรุ่นชาวลาวหลายคนตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ถูกพาไปทรมานที่คาสิโนในรัฐกะเหรี่ยงที่อยู่ในพรมแดนของเมียนมา และถูกบังคับให้เข้าไปในวงจรอาชกรรมหลอกลวงทางไซเบอร์ โดยหนึ่งในคนที่ได้รับการช่วยเหลือที่ระบุเพียงว่าชื่อ "คำ" เปิดเผยว่า เขาถูกหลอกมาจากพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสาธารณะประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว ด้วยคำหว่านล้อมว่าจะได้รับโอกาสในการหาเงินตามเมืองต่าง ๆ แถบสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งมีอาณาเขตติดกับเมียนมาและไทย
"คำ" (ชื่อสมมติ) วัย 16 ปี เล่าว่าเรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากได้รับข้อความจากคนแปลกหน้าในเฟซบุ๊ก โดยเป็นหญิงสาวที่ถามเขาว่ากำลังทำอะไรอยู่และอยากได้เงินใช้หรือไม่ เขาก็ตกลงไปพบเธอทันที ผู้หญิงคนนี้รับคำกับเพื่อนอีกคนขึ้นรถไปเลย โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้บอกพ่อกับแม่ ซึ่งคำบอกว่าเขาคิดว่าจะทำงานสักเดือนหรือสองเดือนค่อยกลับบ้าน แต่แทนที่จะได้งานคำกลับถูกพาไปกักตัวไว้ในอาคารหลังหนึ่ง ที่อยู่ชายแดนไทย-เมียนมา ห่างไปทางใต้ของสามเหลี่ยมทองคำราว 320 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากบ้านของคำประมาณ 640 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ที่โดดเดี่ยวจากโลกภายนอก คำถูกทรมานและถูกบังคับให้กลายเป็นสแกมเมอร์หลอกลวงคนทางไซเบอร์ (cyber-scammer)
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สถานที่ลับแบบเดียวกับที่คำถูกคุมขังได้แพร่กระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วภูมิภาค เพราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้เครือข่ายอาชญากรรมต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำเงิน และแผนที่นิยมกันในตอนนี้คือ "โรแมนซ์ สแกม" (Romance Scam) การล่อลวงให้เหยื่อที่ส่วนใหญ่เป็นหญิงวัยกลางคน แม่ม่าย หรือคนที่เปลี่ยวเหงาให้หลงรักเพื่อล่อลวงเงินจากเหยื่อ ซึ่งคำก็ถูกบังคับให้ทำงานนี้และโดนขู่ว่าถ้าทำไม่สำเร็จจะถูกทรมาน
รายงานของวิทยุเอเชียเสรีระบุว่า พวกวัยรุ่นที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกมาจากแขวงหลวงน้ำทา ใน สปป.ลาว และถูกพาไปที่ "คาสิโน โคไซ" (Casino Kosai) ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเมียวดีของเมียนมา ที่มีพรมแดนด้านตะวันออกติดกับไทย และ เชื่อว่ายังมีวัยรุ่นอีกหลายสิบคนจากแขวงหลวงน้ำทาติดอยู่ในคาสิโนแห่งนี้ กับเหยื่อจากอีกหลายพื้นที่ของเอเชีย และนี่อาจเป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งของเครือข่ายที่กว้างใหญ่ไพศาล ที่หลอกเหยื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มากกว่าปีละ 150,000 คน ยิ่งมีปัจจัยจากความโลภกับความวุ่นวายทางการเมืองมาผสมผสานกัน ก็ยิ่งทำให้อาชญากรรมดำเนินไปอย่างไร้ควบคุม และกลายเป็นความซวยของวัยรุ่นอย่างคำ
และ เรื่องของคำถือเป็นกรณีศึกษา ว่าเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการ "ให้งานทำ" โดยเสนอผ่านข้อความในเฟซบุ๊กหรือแอปพลิเคชันส่งข้อความ การหลอกลวงอื่น ๆ ก็จะเนียนด้วยการโพสต์หางานที่ถูกกฎหมาย ที่จะดักจับทุกคนตั้งแต่มืออาชีพไปจนถึงผู้ใช้แรงงานหรือเยาวชนที่ไขว่คว้า "ความก้าวหน้า" ด้วยการจูงใจว่าจะได้รับค่าแรงสูง ๆ ส่วนคาสิโนทั้งหลายที่ตั้งอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เงินทุนจากเครือข่ายอาชญากรรมชาวจีน ที่เลือกปฏิบัติการตามพรมแดนที่ปลดจากการตรวจตราของทางการและยากต่อการเข้าถึง
ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของ "Human Rights Watch" ระบุว่าเมื่อก่อนปี 2563 มีสถานที่แบบนี้เป็นจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับ 2 อย่าง คือ "การพนัน" ที่จะมีกลุ่มคนไทยและคนจีนไปเล่นที่คาสิโนในช่วงวันหยุด หรือไม่ก็การพนันออนไลน์ แต่พอเกิดการระบาดของโควิด-19 พวกอาชญากรรมที่บริหารคาสิโนก็เปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ มาเป็นสแกมเมอร์หลอกลวงทางไซเบอร์แทน ปัจจุบันเมืองที่เป็นที่ตั้งบ่อนพนัน เช่น ที่สีหนุวิลล์ของกัมพูชา และชานเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ของ สปป.ลาว อยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ขึ้นชื่อเรื่องการล่อลวงคนที่หางานทำ ขณะที่ชายแดนไทย-เมียนมา เป็นแหล่งดึงดูดแก๊งอาชญากรรมที่ใช้เป็นที่ซ่อนเหยื่อ