"เจนนิเฟอร์ คิ้ม"เปิดใจ เชื่อมั่น"ดา เอ็นโดรฟิน" เป็นโค้ช"เดอะ วอยซ์ 5" ได้ดี

ในที่สุด รายการ"เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์" ของบริษัท เอพีแอนด์เจ โปรดักชัน จำกัด ก็ชัดเจน เมื่อมีการเปิดตัวโค้ชคนใหม่ของรายการเดออะวอยซ์ ประเทศไทย ซีซั่น 5 ซึ่งได้โค้ชคนใหม่ คืออ "ดา เอ็นโดรฟิน" ธนิดา ธรรมวิมล มาแทน "โค้ชคิ้ม" เจนนิเฟอร์ คิ้ม เมื่อเที่ยงวันนี้ (5 ส.ค.) พร้อมอีก 4 โค้ช คือ"ก้อง" สหรัถ "โจอี้ บอย" "สิงโต นำโชค"และ "ดา เอ็นโดรฟิน
"โอ๋"" อาจกิจ สุนทรวัฒน์ ผู้ผลิต รายการ เดอะว๊อยซ์ ประเทศไทย กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงโค้ช จากเจนนิเฟอร์ คิ้มมาเป็น ดา เอ็นโดรฟิน ว่าอยากให้มองเป็นเรื่องปกติ เพราะต่างประเทศก็ทวงถามมาทุกปีว่าจะปีนี้เปลี่ยนโค้ชมั้ย จึงคิดว่ากเปลี่ยนแต่ละครั้ง เปลี่ยน 1 คนก็เหมือนกับการเปลี่ยนยกเซ็ตนะ เพราะกว่าจะลงตัวกันได้ มันต้องใช้เวลา คือคนที่เคยดูรายการเดอะวอยซ์ต่างประเทศก็จะเข้าใจว่าการเปลี่ยนตัวโค้ชมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และสามารถกลับมาได้เช่นกัน อย่าง แสตมป์ ที่รายการก็ยังหวังให้เขากลับมา แต่ก็ต้องให้เวลาที่เขาจะพร้อม เพราะการเป็นโค้ชเดอะ วอยซ์ ต้องทุ่มเทเพื่อลูกทีมสุดๆ

"การเปลี่ยนโค้ชแต่ละครั้งการเปลี่ยนผู้หญิงนี่ยากที่สุด เพราะเรามีโค้ชผู้หญิงคนเดียว ผมก็บอกพี่คิ้มว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะปีนี้ผมไม่มีการให้ยกมือว่าใครอยากจะเปลียน แต่พี่คิ้มเขาเคยยกมือตั้งแต่ก่อนถ่ายปีที่ 4 แล้ว และพอปีนี้เราไปคุยกับเขา พี่คิ้มก็เข้าใจ และผมคิดว่ายังไงผมก็คงต้องเชิญพี่คิ้มมาร่วมงานอีกแน่นอน ที่ผ่านมา ผมก็เคยใช้วิธีการให้ยกมือ แต่ครั้งนี้ผมดูเอาว่า ใครดูเหน็ดเหนื่อยที่สุด และควรให้เขาได้พัก เพราะไหนๆ พี่คิ้มก็เคยทำแชมป์ได้แล้ว ก็ให้เขาได้พักกอน เพราะเรื่องสัญญาของโค้ช เราก็จะทำขึ้นแบบปีต่อปี และสามารถเปลี่ยนได้ทุกปี เป็นเรื่องปกติ" โอ๋กล่าว

ขณะที่ "ดา"ธนิดาเปิดใจถึงการมาทำหน้าที่โค้ชคนใหม่ว่า ตอนที่ทีมงานมาบอกให้มาเป็นโค้ชก็ตกใจ แต่แอบสนุก แอบตื่นเต้น เพราะเดอะวอยซ์เป็นการทำโชว์ เหมือนได้ลองงานใหม่

"ถามว่าอยากบอกอะไรคนดู ที่เรามาทำตำแหน่งโค้ชคนใหม่ ดาก็ทำเต็มที่ ทำหน้าที่พี่สาวของทุกคนให้ดีที่สุด เพราะว่าการเป็นเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ มันก็คือความรักที่เกิดจากผลโหวตของคนไทยทั้งประเทศ นั่นแหละตัวจริงเสียงจริง"ดากล่าว

ส่วนกระแสคือชื่นชมและคิดถึงโค้ชคิ้ม ดาบอกว่า เราก็เป็นตัวเรา ได้รับหน้าที่ตรงนี้ในซีซั่นใหม่ ทำหน้าที่ให้ดี และเอ็นจอยกับมัน ถ้าไปคิดเปลี่ยนมุมนิดเดียว มันจะไม่สนุก เพราะฉะนั้นเรามีความสุขกับการให้ประสบการณ์การร้องเพลง มาตลอด 13 ปี แล้วตอนนี้ ก็เห็นเด็กๆ เยอะด้วย เลยคิดว่าเรามาให้เขา มาแชร์กับเขา เวลาเด็กที่ไม่ผ่านเข้ารอบ เราพูดตลอดว่า มันไม่ใช่การแข่งขันนะ น้องมาพิสูจน์ตัวเอง แล้วคนดูน้องทั้งประเทศ ค่อยมาใหม่นะ เพราะเราก็เคยตกรอบประกวดครั้งแรก ดาก็เคยแพ้เหมือนกัน

"ตอนนี้ยังสนุกอยู่ เริ่มสนุกแล้ว เราไม่คิดว่าประเทศไทย จะมีคนร้องเพลงเพราะเยอะขนาดนี้ สำหรับพี่คิ้ม จริงๆแล้ว ก็เป็นเจ้ของเรา เจอกันรอบนอกประจำ เป็นพี่ที่เคารพ ก็เห็นงานกันมาตลอด จริงๆแล้วประเด็นของเรา อยากมาให้ประสบการณ์ ดาเคยอยอยู่ในสถานการณ์เด็ก ที่ไปประกวดดนตรีมาเหมือนกัน ก็เข้าใจว่าเรามีเป้าหมายเดียวกัน คืออยากร้องเพลง เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าได้มาทำ อย่าทำให้การร้องเพลงเป็นเรรื่องซีเรียส เราสนุก มีความสนุกกับมันก็พอ" ดากล่าว

ขณะที่ เจนนิเฟอร์ คิ้ม เปิดใจว่ารายการนี้เป็นรายการที่รัก รักทุกอย่างของรายการนี้

"เรารักพี่โอ๋ (อาจกิจ) พี่โอ๋ (พัชนี) จนถึงพนักงานยกน้ำให้เรา ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่หรือจะไป ก็จะเชียร์รายการนี้ตลอดไป เรามีความรู้สึกว่า เรารักรายการนี้ไปแล้ว มันเหมือนลูก เหมือนเด็กอายุ 4 ขวบ พอ 5 ขวบ พี่โอ๋ (ผู้บริหารเดอะวอยซ์) เป็นพ่อ แล้วเราเป็นแม่นมที่เลี้ยงเด็กที่ชื่อว่า เดอะวอยซ์ ตั้งแต่เขาเกิด จนถึงตอนนี้เขา 4 ขวบ พอตอนนี้เขา 5 ขวบ พ่อแม่บอกเราว่า อยากเปลี่ยนแม่นมให้ลูกเขา เป็น ดา เอ็นโดรฟิน จริงๆ แล้วเราได้ยินชื่อดา พร้อมๆ กับข่าวที่ออกมา ในตอนแรก ไม่ได้มีการแจ้งตั้งแต่ทีแรกว่าใคร แต่เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งตัวโค้ชเองและก็คนดู แต่ตัวเราเอง พอได้ยินว่าเป็นดามา เราดีใจมากเลยนะ เพราะเราชอบดามาก ในความรู้สึกเรา ว่า ดาคือควีนออฟร็อคของประเทศไทย แล้วนิสัยส่วนตัว ดาเป็นคนพูดจานักเลง สนุกเฮฮา เจอกันกี่ที ก็น่ารัก คนที่จะมาเป็นโค้ช รับมือกับทั้งโค้ชด้วยกันที่เป็นผู้ชายและคนดูได้ จะต้องมีนิสัยนักเลงคล้ายๆ ผู้ชาย แบบดาอย่างนี้แหละ เราว่าเอาอยู่ เพราะเราจะบอกว่า การที่เป็นผู้หญิงคนเดียว ที่อยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น มันลำบากแค่ไหน

ไหนจะต้องตบตีกับโค้ชอีก 3 คน ที่ฝีปากแต่ละคนไม่ธรรมดา ปากร้ายมากเวลาต้องแย่งชิงกัน ไหนจะต้องโดนคนข้างนอก ในโลกโซเชียลจิกตีอีก มันเป็นสิ่งที่ต้องให้กำลังใจดาอย่างมาก ใครที่รักเรา เป็นกำลังใจให้เรา ขอบอกเลยว่า อยากให้เป็นกำลังใจให้ดา ให้ผู้หญิงเราในฐานะที่เป็นโค้ชผู้หญิงเหมือนกัน เราเคยนั่งอยู่ตรงนั้น เรารู้ดี การนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้เพลิง มีคนบอกว่า สวมมงกุฏ แต่สำหรับเรามันเป็นมงกุฏหนามไง มันเป็นเกียรติ ไปไหนใครๆ รักก็จริง แต่รู้ไหมว่า เราทรมานแค่ไหน (หัวเราะ) ไม่มีใครรู้ว่ามันลำบากแค่ไหน มันเป็นเรื่องของการตัดสินอนาคต ชี้นำอนาคตของคน มันไม่ใช่อนาคตของเราคนเดียว เราไม่เคยกลัวว่า คนดูจะวายังไง ไม่ได้กลัวคนเกลียดเรา สิ่งที่กลัวมากที่สุด คือคนเกลียดเด็กของเรา"

"โค้ชคิ้ม"กล่าวถึง"โค้ชดา"ว่า ดาก็คงรู้สึกแบบนี้ วันที่ไปนั่งแล้วขอกำลังใจให้น้องเถอะ เพราะว่าหนึ่ง น้องเป็นนักร้อง สองน้องเป็นผู้หญิง สามน้องมือใหม่สำหรับตรงนี้ แต่เราเห็นศักยภาพใหม่ของดา กับการที่รู้จักและคุยกับดามาตั้งนาน เรารักนาง ตบกันเลยกับแก๊งค์ผู้ชายที่เหลือ อย่าไปยอม และเชื่อว่า สักพักหนึ่งโค้ชผู้ชายทั้ง 3 คน ก็จะเข้ากันได้ดีกับดา แล้วคิดว่าดาไม่ได้อยู่ซีซั่นเดียวหรอก เขาจะอยู่หลายๆ ซีซั่น เพราะถ้าคนที่ได้รู้จักกับดา เหมือนที่เรารู้จัก ก็จะรักนาง เพราะว่าดาน่ารัก ตอนที่รู้พร้อมๆ กับคนอื่นว่าดาจะมานั่งตรงนี้ บอกเลยว่าอยู่ทีมดา

เจนนิเฟอร์ยังกล่าวตอบคำถามว่าเสียดายไหมว่า "ไม่นะ รู้ไหมว่าทำไมไม่เสียดาย เพราะว่าตอนที่เราอยู่กับสิ่งนั้น เรารักและทุ่มเทกับสิ่งนั้นอย่างสุดแล้ว เหมือนเด็กคนนี้อายุ 4 ขวบ เราเลี้ยงมาตั้งแต่ขวบหนึ่ง มาตอนนี้เริ่มพูดจาน่ารัก เป็นที่จดจำแล้ว ถ้าถามว่าเสียดายไหมว่าไม่ได้เลี้ยงเด็กคนนี้อีก เราบอกเลยว่า ไม่เสียดาย เพราะที่ผ่านมา 4 ปี เราเลี้ยงเด็กคนนี้ออกมาได้ เป็นคนดี และถ้าเด็กคนนี้ เจอพี่เลี้ยงแม่เลี้ยงคนใหม่แบบดา เด็กคนนี้จะได้ส่วนที่เราไม่มี แต่ดามี และทำให้เขาแข็งแรงขึ้น"

"ตอนที่เราอยู่กับพี่โอ๋ (อาจกิจ) และพี่โอ๋ (พัชนี) ทั้งสองคนรักเรา ให้เกียรติเรา พะเน้าพะนอเรา เอาใจ ใหเกียรติเรา พะเน้าพะนอเรา เอาใจ ให้ทุกอย่าง จนไม่มีข้อสงสัย เวลาที่เขาทั้งสองคนตัดสินใจอะไร เรารู้สึกเลยว่า ตอนที่อยู่ด้วยกัน เขารักเราที่สุด วันหนึ่งพักกันไป เลิกรากันไป แต่เรารู้สึกว่า เรามีแต่สิ่งดีๆ ที่น่าจดจำ ฉะนั้นเราไม่มีข้อสงสัย และเคารพในการตัดสินใจ เพราะที่ผ่านมา เขารักเราและดูแลเราทุกอย่าง เราเลยไม่มีข้อขัดใจหรือความแคลงใจใดๆ เลย เราสบายใจ ที่ผ่านมาเราได้ทุกสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว และก็ได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดกลับไปเช่นกัน เพราะฉะนั้นการที่มีการเปลี่ยนแปลงคนเลี้ยงเด็กคนนี้ เราก็ยังเชื่อว่าทุกคนก็ยังรักเด็กคนนี้อยู่ดี และก็รักคนเลี้ยงใหม่ เพราะว่าคนเลี้ยงคนใหม่ จะใส่สิ่งที่ดีที่สุดลงไปในตัวเดด็กคนนี้ ซึ่งเด็กคนนี้ชื่อว่า เดอะวอยซ์ อายุ 4 ขวบ ย่าง 5 ขวบ" เจนนิเฟอร์ คิ้ม กล่าวปิดท้าย