จ่อเรียก!"มิน พีชญา" แจงปมหอบ"แอร์เมส"นับสิบผ่านศุลกากร

กลายเป็นดราม่าไปเสียแล้ว เมื่อสาวมิน พีชญา ได้ไปเที่ยวที่สิงคโปร์ และได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ตัวเองล่วงหน้า ด้วยสินค้าของแบรนด์ไฮเอนด์อย่าง แอร์เมส (Hermes) พร้อมกับโพสต์ภาพขณะที่มิน นั่งท่ามกลางถุงแอร์เมส โดยเป็นสินค้าในกล่องถึง 9 ชิ้นและถุงใบใหญ่ของแอร์เมสถึง 3 ถุง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้ก่อให้เกิดคำถามในโลกออนไลน์ว่า การที่มินซื้อสินค้าแบรนด์ไฮเอนด์อย่างแอร์เมสมากมายถึง 9 ชิ้นขนาดนี้ มินสามารถผ่านศุลกากรมาได้อย่างไร ? และได้มีการชำระเงินให้กับศุลกากรอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ ? เนื่องจากราคาสินค้าของแอร์เมสนั้น จากการตรวจสอบพบว่า กระเป๋ารุ่นดังอย่าง Birkin ราคาต่ำสุดที่ขายในยุโรปอยู่ที่ประมาณ 5,900 ยูโร (ประมาณ 2.3 แสนบาท) และราคาจะแพงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามขนาดกระเป๋า, หนังที่ใช้, และรุ่น ซึ่งหากซื้อตัวที่แพงที่สุด ราคาอาจจะแตะครึ่งล้านบาทต่อใบก็ว่าได้

โดยมีคลิปของมินที่เข้าไปในช้อปแอร์เมส และรอให้พนักงานเปิดถุงแอร์เมสออกมาให้ด้วยความตื่นเต้น และพบว่ากระเป๋ารุ่นนั้นคือ แอร์เมส เคลลี่ ซึ่งขนาดที่เล็กที่สุดและถูกที่สุดของรุ่นนี้ มีราคาในสหรัฐอเมริกาที่ประมาณ 3.4 แสนบาท ไม่รวมภาษี และราคาแพงที่สุดอยู่ที่ 4.4 แสนบาท ไม่รวมภาษี
นอกจากนี้ กระเป๋าแอร์เมสยังเป็นกระเป๋าทำมือที่ผลิตในฝรั่งเศส ด้วยความที่กระเป๋านี้ทำจากหนังแท้และเป็นกระเป๋ายอดนิยม จึงทำให้ความต้องการกระเป๋าแอร์เมสมีสูง และทำให้ร้านของแอร์เมสในกรุงปารีส จำกัดการซื้อไว้ที่ 1 คน สามารถซื้อได้ 2 ใบต่อปี และหากมินซื้อได้มากขนาดนี้ แสดงว่ามินเองก็ต้องเป็นลูกค้าระดับ VIP ของช้อปแอร์เมสแน่นอน
โดยที่เว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้ถึงประเด็นดังกล่าวด้วยว่า "ขอถามเป็นความรู้ค่ะ กรณีที่ มิน พีชญา ซื้อกระเป๋าเข้าประเทศเยอะขนาดนี้ ถือว่าผิดมั้ยคะ? ซึ่งมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยบอกว่านางเอกสาวอาจเสียภาษีมาอย่างถูกต้องก็เป็นได้ หรือไม่งั้นก็อาจให้เพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวด้วยกันถือเข้ามาคนละใบ ในขณะที่บางส่วนก็บอกว่าต่อให้เพื่อนถือเข้ามาให้แต่มูลค่าของก็เกิน 20,000 บาทอยู่ดี

เรื่องนี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า สิ่งของที่นำเข้ามา เราให้ติดตัวเข้ามาได้ 20,000 บาท และเรื่องคำแนะนำต่างๆ กรมศุลกากรก็จะมีการแนะนำอยู่แล้ว เมื่อผู้โดยสารเข้ามาสนามบินไม่ว่าจะเป็น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง กรมศุลกากรก็จะบริหารความเสี่ยง ในการที่จะสุ่มตรวจผู้โดยสาร คนที่เดินทางเข้ามามีประมาณ 130,000 คนต่อวัน ไฟลท์บินประมาณ 1,000 เที่ยวต่อวัน เพราะฉะนั้น เมื่อมีผู้โดยสารจำนวนมาก กรมศุลกากรจะไม่เรียกตรวจทุกคน ก็จะสุ่มตรวจ ในกรณีนี้ คุณมิน พีชญา ก็อาจจะไม่ได้สุ่มตรวจตรงนี้ ก็สามารถที่จะผ่านออกไปเองได้
"เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น กรมศุลากรได้พยายามติดต่อคุณมิน พีชญา มาชี้แจง เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปแล้ว ต้องมีการออกจดหมายเชิญให้มาชี้แจงข้อมูลและสอบถาม เพราะว่าจากข้อมูลที่เป็นภาพ ได้มีหลักฐานการเสียภาษีอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ได้มีหลักฐานการเสียภาษี ก็จะต้องมีการเสียภาษีตามอัตราที่เรากำหนด บวกค่าปรับด้วย" นายกุลิศ กล่าว